เปิดใจ สามีสาวคาราโอเกะถูกฆ่าเผาชิงเงิน 800 บาท มีเมตตาไม่อยากให้ประหาร "อู่ทอง"

เปิดใจ สามีสาวคาราโอเกะถูกฆ่าเผาชิงเงิน 800 บาท มีเมตตาไม่อยากให้ประหาร "อู่ทอง"

เปิดใจ สามีสาวคาราโอเกะถูกฆ่าเผาชิงเงิน 800 บาท มีเมตตาไม่อยากให้ประหาร "อู่ทอง"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กรณีข่าวสลดใจ หญิงคนหนึ่งทำงานที่คาราโอเกะ ถูกพบเป็นศพ ถูกฆ่าเผาอำพรางศพเอาไว้ จุดไฟเผาทั้งมอเตอร์ไซค์ ตอนแรกปมพุ่งเป้าไปที่สามี แต่สุดท้ายตร.ตามสืบจนเจอว่ามือสังหารคืออดีตนักโทษ เพิ่งออกจากเรือนจำได้ 10 เดือน และมาก่อเหตุซ้ำ

รายการโหนกระแสวันที่ 17 พ.ย. "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ได้สัมภาษณ์ "สันติ ชาติทอง" สามีสาวถูกฆ่าอำพรางศพ และ "นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์" รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์

พ่ออายุเท่าไหร่?

สันติ : "48 ปี อยู่กับภรรยามา 8 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 6 ขวบ อยู่จังหวัดเพชรบุรี ทำขนมขาย กับภรรยารักกันดี ไม่มีเบาะแว้งอะไร"

เหตุเกิดอะไรขึ้น?

สันติ : "เขาไปทำงานที่รานคาราโอเกะตามปกติ เขาไปทำงานทุ่มครึ่ง กลับมาไม่เกินตีหนึ่งตีสอง พ่อก็ดูแลลูก ขายขนม เป็นแบบนี้ทุกวัน"

วันเกิดเหตุเกิดอะไร?

สันติ : "เราเคยคุยกันว่าถ้าดึกมากให้นอนที่ร้านเพื่อป้องกันเหตุร้ายต่างๆ ผมก็คิดว่าเขานอนค้างที่ร้านคืนนั้น ไม่คิดว่าเกิดเหตุการณ์พวกนี้ จน 10 โมง เช้าวันที่ 4 พ.ย. เขาก็ยังไม่กลับ ผมโทรศัพท์ไปหาเขาที่เครื่องแล้วไม่มีสัญญาณตอบรับ ผมก็ขับรถไปตามเขาที่ร้าน ร้านบอกว่าออกจากร้านตั้งแต่ตีหนึ่งแล้วซึ่งปกติเขาไม่เคยไม่กลับบ้าน นี่คือครั้งแรก"

หลังจากนั้นทำยังไง?

สันติ : "สิ่งแรกที่ตามหา คือตามหาตามรพ. โรงพัก ถามตร.ว่ามีเรื่องอุบัติเหตุอะไรมั้ย ปรากฎว่าไม่มี ตามทุกวันจนถึงวันที่ 6 จนมีเจ้าหน้าที่บอกว่าคนเลี้ยงวัวไปพบ มันเป็นป่ารกร้าง ซึ่งสภาพที่พบคือพบแค่ร่างที่ไม่สามารถระบุได้เลยว่าเป็นผู้ชายหรือหรือหญิง หรือเป็นอะไร

ตอนนั้นเราไปดูมั้ย?

สันติ : " ไปดูครับ ผมจำได้สองอย่างคือนาฬิกากับรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งผมเป็นคนซ่อมเอง ผมจำได้ ผมมั่นใจว่าใช่ แล้วเห็นป้ายทะเบียนทีหลังก็คือใช่เลย"

หลังจากนั้นทำยังไง?

สันติ : "เจ้าหน้าที่ก็เชิญผมไปสอบสวน เพราะตามหลักบุคคลที่ใกล้ชิดที่สุด ไม่มีประเด็นอื่นให้เขาสงสัยได้เลย ผมเลยตกเป็นจำเลยสังคมไปชั่วระยะนึง"

มีคนพูดพาดพิงคุณพ่อ ตอนนั้นคนว่าเราไปสังหารเมียเราเอง ทั้งที่ไม่ทำ ตอนเขามาถามตอบสังคมยังไง?

สันติ : "ผมก็ตอบว่าผมไม่สามารถแสดงความบริสุทธิ์ใจของตัวเองได้มากกว่ากาลเวลา เวลาเท่านั้นที่จะรู้ว่าผมไม่ได้ทำ ผมเกือบเป็นแพะ เพราะเราไม่เคยรู้จักคนที่ทำเลย ไม่มีเรื่องบาดหมางกับใครเลย ซึ่งทำให้ข้อสมมติฐานตร.ไม่มีเลย"

ทำไมเขาคิดว่าพ่อเป็นคนทำ?

สันติ : "เป็นบุคคลเดียวที่ใกล้ชิดที่สุด เขาหาความเชื่อมโยงไม่มี แล้วคนเป็นพยานให้ผมไม่มี เพราะผมอยู่กับลูกสองคน ซึ่งเด็กเป็นพยานไม่ได้ ตอนนั้นตร.ถามทุกอย่าง พยายามกดดันเพื่อให้เราส่อพิรุธให้ได้ แต่มันก็ไม่มีออกมา เพราะผมไม่ใช่คนทำ"

ตอนนั้นกดดันพักใหญ่ สังคมมองว่าเราเป็นคนทำ ตร.มองเป็นผู้ต้องสงสัย แต่คุณยังสู้ จำคลิปที่พ่ออุ้มลูก และให้สัมภาษณ์นักข่าวว่าไม่ได้กังวลใจอะไร เพราะไม่ได้ทำ กาลเวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ตอนนั้นพ่อยืนยันไม่กลัวและมั่นใจ สังคมพูดกันใหญ่ว่าพ่อน่าจะเป็นคนทำ สุดท้ายตร.เจอได้ไงว่าคนร้ายตัวจริงเป็นใคร?

สันติ : "ผมต้องยกความเก่งให้ตร.ไทย เก่งมาก หาจากที่ไม่รู้อะไรเลย หาจนเจอ จากกล้องวงจรปิดแค่ไม่กี่ตัว เห็นแค่เงาลางๆ ตร.สามารถแกะออกมาได้ ตร.ไทยเก่งมาก"

เขาเจออะไร?

สันติ : "เจ้าหน้าที่ตร.ก็ไม่ได้แจ้งอะไรผมมาก เขาบอกว่าเขาเจอกล้องวงจรปิดว่ามีคนขี่รถตามหลังไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และหายไปพักนึง เขาก็ไปเช็กดูคันที่ตาม ก็น่าจะเป็นคนก่อเหตุ"

คนก่อเหตุคือนักโทษชายอู่ทอง คนๆ นี้อยู่ในพื้นที่ รู้จักมั้ย?

สันติ : "ไม่เคยเห็นเลย"

ทำไมเขาทำภรรยา?

สันติ : "ทราบจากตร.จับเขาได้ เงินแค่ 800 เท่านั้น มันไม่ใช่เหตุที่ต้องทำถึงขนาดนี้เลย"

ตร.แกะจากกล้องวงจรปิด จากอู่รถแห่งนึง เขาเห็นรถมอเตอร์ไซค์ขี่ไปเป็นรถภรรยาพี่ หลังจากนั้นมีรถอีกคันขี่ตามไป เที่ยงคืนกว่าๆ ไปเจออีกจุด เป็นร้านขายมะนาว มีกล้องวงจรปิดเหมือนกัน มอเตอร์ไซค์ภรรยาพี่ก็ขับไป อีกคันก็ตามไปห่างๆ ไม่ห่างมาก พอตีหนึ่ง มอเตอร์ไซค์คันนี้กลับมา ตร.เขาก็สงสัยว่าไปไหน เขาแกะรอยมอเตอร์ไซค์จนรู้ว่าคนทำความผิดคือนายอู่ทอง จริงๆ แล้วหลังจากนั้นมีการพาไปทำแผน เขาทำยังไง?

สันติ : "ผมไปไม่ทันตอนทำแผน ผมไปตอนแถลงการ ซึ่งใช้เวลาไวมาก แล้วเขาไปทำแผนทันทีเลย ผมไม่รู้วิธีการอะไรเลย ตร.ไม่ได้บอกอะไรผมเลย"

คนร้ายรับสารภาพว่าเขาฆ่าเอง เขาขี่มอเตอร์ไซค์ตามผู้หญิง แล้วเขาใช้มีดจี้ ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ภรรยา มัดมือ และขี่ไปด้วยกัน ล็อกไป แล้วพาไปจุดที่เขาฆ่า และบังคับให้ภรรยาคุกเข่า เขาก็ถามว่ามีเงินเท่าไหร่ ทางแฟนพี่บอกมีเงิน 800 บาท คนร้ายเอาเงินไป แล้วใช้มีดปาดคอ 2 ครั้ง แล้วใช้มีดแทงด้านหลังอีก 1 ครั้ง จนภรรยาฟุบไปกับพื้น พอฝ่ายหญิงล้ม คนร้ายเอามอเตอร์ไซค์ผู้หญิงทับร่าง เปิดฝาถังน้ำมันเขย่านำมันออกมา และจุดไฟเผา ตรงนี้คือความเหี้ยมโหด เงิน 800 บาทพรากเมียเขาไป และที่สำคัญก่อนหน้านี้เคยติดคุก มีคดีติดตัว 3 ครั้ง ครั้งที่ 3 ก่อเหตุฆ่าและติดคุก 20 กว่าปี แต่ลดโทษเหลือ 6 ปี ออกมา 10 เดือนแล้วก่อเหตุครั้งนี้ มันเกิดอะไรขึ้น จะมีวิธีการอย่างไร?

นพ.วีระกิตติ์ : "ก่อนอื่นขอกล่าวคำว่าขอโทษอย่างที่สุดสำหรับครอบครัวผู้วายชนม์ ผมในฐานะรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ก็ต้องเรียนว่าผู้ต้องหารายนี้ได้กระทำคดีอุกฉกรรจ์ ในอดีตก็สะเทือนขวัญ ทั้งชิงทรัพย์และฆ่า คดีดังกล่าวตัดสิน 25 ปี แต่มีวาระรับการลดโทษเกิดขึ้น เลยอยู่จำแค่ 6 ปีเศษและปล่อยออกมา ปล่อยตามกำหนดไม่ได้ปล่อยตัวพักโทษ ดังนั้นอำนาจกรมราชทัณฑ์จึงไม่สามารถติดตามได้ แต่เรื่องการพิจารณาว่าทำไมเกิดเหตุแบบนี้ มันไม่ใช่รายแรก สะท้อนถึงความเสียหายต่อสภาพสังคมและสะเทือนขวัญต่อครอบครัวคนบริสุทธิ์ประกอบสัมมาอาชีพ ต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาสืบเนื่องจากที่เรามีปัญหาเรื่องยาเสพติดระบาดหนัก เป็นคดีหลัก และคดีเหล่านี้ก็ก่อให้เกิดอาชญากรรม แต่อย่างไรก็ดี ท่านปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ยกระดับเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาเป็นพิเศษ คือผู้ต้องขังที่จะถูกพิจารณาว่าเป็นภัย หรืออันตรายต่อสังคม เข้ามาแล้วคือเข้าข่าย ต้องมีมาตรการ ซึ่งมาตรการนี้จะมีการพิจารณาแน่นอน ปรับเป็นชั้นที่เลวลงไปอีก ชั้นเลวมาก"

เรียกว่าเลวนรกไม่ต้องการ?

นพ.วีระกิตติ์ : "คนพวกนี้เวลาอยู่ในเรือนจำ เขาจะไม่เจอผู้หญิง ไม่สามารถขับมอเตอร์ไซค์ ไม่สามารถไปไหนมาไหน เป็นการค่อนข้างยากที่กรมราชทัณฑ์จะบอกว่าคนนี้ยังเลวอยู่หรือเปล่า เพราะกรมราชทัณฑ์จะมีมาตรฐานพิจารณา คือไม่กระทำการใดๆ ผิดกฎระเบียบ เข้าอบรมหลักสูตรต่างๆ ครบ เมื่อครบระยะเวลาก็เลื่อนชั้นไปตามกำหนด เมื่อพ้นไปแล้ว เราไม่สามารถควบคุมว่าเขาจะไปทิศทางไหนได้"

ถ้ากำหนดเลย ไม่ต้องลดโทษไม่ได้เหรอ?

นพ.วีระกิตติ์ : "ผมขอพูดส่วนตัว ผู้บริหารอาจมองอีกภาพที่ใหญ่กว่านี้ สำหรับผมสะเทือนใจ สะเทือนขวัญและไม่เป็นธรรมอย่างมาก กรมราชทัณฑ์จึงดำเนินการขณะนี้คือทำให้เกิดกระบวนการชัดเจน แยกงูพิษออกมาเลย แล้วตั้งอนุกรรมการขึ้นมา ตั้งกระบวนการเข้ามา ไตร่ตรอง กลั่นกรองว่าจะเลื่อนชั้นได้เมื่อไหร่ จนสอดคล้องกับโอกาสที่จะได้รับโทษในวาระต่างๆ"

นักโทษชายอู่ทองคนนี้ เข้าไปแล้วจะถูกลดโทษอีกมั้ย ทำไมไม่ประหารซะเลย?

นพ.วีระกิตติ์ : "ตรงนี้อยู่ภายใต้ดุลยพินิจของศาล จริงๆ โทษประหารชีวิตยังอยู่ในราชอาณาจักร ซึ่งก็เป็นไปตามกฎหมาย และเสียใจที่ต้องเกิดเหตุการณ์นั้น แต่อย่างไรก็ดี นักโทษรายดังกล่าวรายนี้ ครั้งนี้คงไม่สามารถถูกปล่อยตัวได้ตามกำหนดเดิม เพราะกระบวนการได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อเดือนกันยายน โดยท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ท่านได้สั่งการให้เกิดการพิจารณานักโทษที่ก่อคดีสะเทือนขวัญ ถึงแม้ใช้เวลานานกี่ปีก็แล้วแต่ ในการแก้พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้ซึ่งถ้าไม่ผ่านการประเมินทางจิตหรือการประกอบวิชาชีได้ก็ไม่ให้ออกสังคม แต่ต้องผ่านการแก้กฎหมาย"

เขาจะไม่ได้ออกมาอีกแล้ว?

นพ.วีระกิตติ์ : "สรุปเขาจะได้รับการพิจารณาในวาระโอกาสต่างๆ ยากขึ้น ถ้าสมมติศาลท่านพิจารณาเห็นว่าเป็นผู้กระทำความผิด เป็นฆาตกรโดยสันดาน หมายถึงไม่กลับใจ หรือกลุ่มคนมีประวัติใช้สารเสพติดด้วย ซึ่งผมยังไม่ยืนยันนะ ถ้าศาลตัดสินว่าประหารชีวิต เนื่องจากจำนนต่อหลักฐานไม่ได้สารภาพแต่ต้น ถ้าศาลตัดสินแบบนี้ ผมว่าเป็นกรณีอย่างหนึ่งที่ในอนาคต ทางอนุกรรมการเอง คณะกรรมการราชทัณฑ์เอง จะนำกลุ่มนี้ไปอยู่ในสถานที่ที่ดูแลเป็นพิเศษ เช่นเรือนจำความมั่นคงสูงสุด"

ถ้าติดห้าสิบปีก็ไม่มีการลดอีกแล้ว?

นพ.วีระกิตติ์ : "อยู่จนสิ้นสภาพก่อภัยสังคม ไม่สามารถก่ออาชญากรรมได้อีก เช่นแก่ แต่อย่างไรก็ดี การแก้กฎหมายต้องเกิดขึ้นก่อน ตอนนี้มีการชะลอในการเลื่อนชั้น ดึงมาดูแล้วว่านักโทษเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่สร้างความเสียหาย สะเทือนขวัญและไม่ได้เป็นกลุ่มคนมากนัก  ผู้ต้องหาที่ปล่อยไป 50 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ก่อปัญหาให้สังคม 15 เปอร์เซ็นต์กลับไปอยู่ในกลุ่มอาชญากร ต้องเฝ้าระวังสูง แต่เราต้องร่วมกับองค์กรอื่นช่วยกันดูแล เพราะเราติดตามตัวไม่ได้ เพราะกฎหมายไม่ได้บังคับให้ติดตามตัวตามบ้าน"

โทษประหารหมือนผี ได้ยินแต่ไม่มีจริง?

นพ.วีระกิตติ์ : "ขอกล่าวในนามส่วนตัวอีก โทษประหารชีวิต ยังมีใช้ในประเทศพัฒนาแล้ว ในประเทศไทยได้ดำเนินด้วยกระบวนการ คือพูดไปอาจเกิดการต่อต้านก็ได้ กฎหมายยังมีบังคับใช้ การประหารชีวิตเป็นวิธการไม่ให้เกิดลักษณะการทรมานในการเสียชีวิต อย่างฉีดสารให้เสียชีวิต"

อู่ทองนี่เอาไปฉีดเลยได้มั้ย?

นพ.วีระกิตติ์ : "ต้องรอถึงศาลสูงสุด ศาลฎีกา เขาอาจขอในโอกาส ในพระราชอำนาจ ซึ่งเราก้าวล่วงไม่ได้ แต่โดยภาพรวมแล้วปัจจุบันคือกรมราชทัณฑ์เองวิตกกังวล และจะนำเรื่องนี้เป็นภาวะเร่งด่วน รัฐมนตรีได้บรรจุเรื่องนี้ไว้แล้ว กลุ่มคนเหล่านี้ต้องมีการปรับพฤติกรรม ถ้าไม่แน่ใจก็คงชะลอดีเลย์ตามกฎหมาย"

อยากให้นายอู่ทองถูกประหารมั้ย?

สันติ : "ใจจริงไม่อยากให้ถูกประหาร เราเป็นพุทธ ความเมตตาก็ยังมี อย่างน้อยญาติพี่น้องเขาก็ยังไปหาในคุกได้ แต่ผมไม่ต้องการให้เขาออกมาเดินถนนอีกแล้ว ไม่ต้องการให้ออกมาในสังคมอีกแล้ว เผื่อวันดีคืนดีลูกหลานใครเดินคนเดียว เขาก็ต้องไปทำต่อ ผมไม่อยากให้เขาออกมาทำแบบนี้อีกแล้ว ขอให้เขาอยู่ในที่ของเขาเถอะครับ"

พี่นิ่งมาก ไม่รู้สึกอะไรเหรอ หรือทำไมนิ่งกับเหตุการณ์นี้มาก?

สันติ : "ถ้าโวยวายไป เขาก็ตื่นมาหาผมไม่ได้ ไม่ว่าทำอะไรไป เขาก็ไม่สามารถกลับมาหาผมได้แล้ว ผมทำได้อย่างเดียว คือทำใจ ต่อให้คนที่ทำตายไปเขาก็ไม่กลับมาหาผมอยู่ดี ให้เขาอยู่กับความคิดที่ว่าเขาทำผิดตลอดชีวิตน่าจะดีกว่า"

ท่านรองขอโทษผมเข้าใจความหมาย ถ้าไม่ลดหย่อนโทษลงมา ชายคนนี้คงไม่มีโอกาสมาทำแบบนี้?

นพ.วีระกิตติ์ : "กรมราชทัณฑ์มีกฎหมายและระเบียบ ซึ่งในส่วนบุคลากรแต่ละคนมีความคิดส่วนตัวไม่อยากให้ออกก็ได้ แต่กฎหมายได้เปิดทางไว้ จึงต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่้อเกิดเหตุการณ์แบบนี้จึงมีการทบทวนแก้ไขแล้ว สุดท้ายก็อยากบอกว่าแนวทางในอนาคต เราจะพยายามให้คนเหล่านี้ได้ใช้ชีวิตทำงานที่เข้ากันสังคม ได้เจอกับสังคมภายนอกก่อน ไม่ใช่ปล่อยไปแล้วไปเจอสังคมทันที ให้มีกันชนหน่อยนึงก่อน เป็นแนวนโยบายท่านรัฐมนตรี"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook