ดอน สอนมวย ทูตนอกแถว ลั่นแม้ไม่ได้เป็นข้าราชการแล้ว แต่โดยมารยาท-วินัย ไม่ควรทำ!
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่อดีตเอกอัครราชทูต (ในนามของ ทูตนอกแถว) แสดงความคิดเห็นต่อการชุมนุมและเป็นที่จับตาของฝ่ายความมั่นคงนั้น นายดอน ระบุว่า รู้จักกันดี แต่ไม่ขอแสดงความคิดเห็นที่เป็นเรื่องตัวบุคคล หากแสดงความคิดเห็นมากไปคงไม่เหมาะสม และขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคง
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากมีการนำข้อมูลของกระทรวงมาเปิดเผย นายดอน กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าตัวไม่ได้อยู่ในกระทรวงแล้ว ตามมารยาทและวินัยแม้จะไม่ใช่ข้าราชการปกติ ก็ไม่ใช่สิ่งที่พึงกระทำ เพราะสิ่งที่พูดไม่มีใครรับรองได้ว่าถูกหรือไม่ เชื่อว่าหากทูตคนดังกล่าวอยู่ในไทยนานกว่านี้ก็คงเห็นภาพใหญ่ของประเทศไทยได้ชัดขึ้น อาจจะมีทัศนคติที่เปลี่ยนไป
ทั้งนี้ สื่อมวลชนถามถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศใช้กฎหมายทุกฉบับ ทุกมาตรา รวมถึงมาตรา 112 ซึ่งผู้ชุมนุมมองว่าขัดกับหลักสากล นายดอน ตอบว่า เป็นไปตามกฎหมาย ขณะที่นักข่าวถามเพิ่มเติมว่าท่าทีของต่างชาติมีการกดดันประเทศไทยหรือไม่เกี่ยวกับการชุมนุม นายดอน ระบุว่า ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไร แต่โดยรวมคงไม่อยากเห็นความวุ่นวายในบ้านเมืองใดก็ตาม เพราะท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ก็เป็นปัญหามากอยู่แล้ว และไม่ได้คิดว่าจะมีปัญหาอื่นตามมา อีกทั้งไม่อยากให้เกิดสถานการณ์การชุมนุมกับบ้านเมืองใด
นายดอน ยังระบุอีกด้วยว่า ไม่มีต่างชาติแสดงความห่วงใยต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ท่ามกลางสถานการณ์การชุมนุม ซึ่งส่วนใหญ่พบปะกันผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์เพื่อพูดคุยหัวข้อต่างๆ และไม่มีใครพูด หรือถามถึงเรื่องนี้ แต่หากมีก็เป็นเพียงการเปรียบเทียบสถานการณ์ ซึ่งในต่างประเทศนั้นรุนแรงกว่า เขาไม่ได้กังวลต่อสถานการณ์ของประเทศไทย และตนหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นในเมืองไทย
โดย นายดอน ย้ำว่า ยังไม่มีประเทศใดห้ามประชาชนเดินทางเข้ามาในประเทศไทย เพราะขณะนี้เดินทางลำบากเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19
นายดอน ยังระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวขอยื่นลี้ภัย แต่ถ้าหากมีก็คงไม่ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ และตนไม่ได้รับรายงานข่าวใดมีเพียงข่าวในโซเชียลมีเดีย และทางกระทรวงก็ไม่ได้ติดตามเพราะข่าวในโซเชียลต้องนำมาหาร เนื่องจากไม่รู้ว่าอะไรเป็นของจริง
ส่วนรายงานถึงบุคคลที่อยู่ต่างประเทศที่อาจจะอยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวในไทยนั้น นายดอน ชี้ว่า มีการพูดถึงในโซเชียลมีเดียอยู่แล้ว และคงได้เห็นข้อมูลชุดเดียวกัน แต่ข้อสำคัญคือเมืองไทยมีความสันติ สงบร่มเย็นมาเป็นเวลานาน ซึ่งต้องถามกลับว่าใครพอใจในสถานการณ์เช่นนี้บ้าง ตนคิดว่าไม่น่าจะมีใครพอใจเพราะกระทบเรื่องการทำมาหากิน ความอยู่เย็นเป็นสุขขาดหายไป ไม่เหมือนเดิม ซึ่งต่างชาติที่มาเมืองไทยอยากให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว ซึ่งก็เป็นความหวังของเขา แต่ขึ้นอยู่กับคนไทยที่จะช่วยกัน อีกทั้งนักการทูตหลายประเทศยังระบุว่าเมืองไทยเป็นเป้าหมายสำคัญที่อยากมาอยู่ จึงสะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมาเมืองไทยเป็นสถานที่ที่หลายคนปรารถนา มีปัจจัยที่ครบถ้วน