อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง วิรัช รัตนเศรษฐ คดีทุจริตงบสร้างสนามฟุตซอลในโคราช
อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง "วิรัช รัตนเศรษฐ" กรณีทุจริตเงินจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนใน จ.นครราชสีมา เจ้าตัวปฏิเสธข้อกล่าวหา ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
ที่ประชุมคณะทำงานร่วมระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กับ อัยการสูงสุด มีการประชุมร่วมพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กับพวก กรณีทุจริตเงินจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนในพื้นที่เขตการศึกษาที่ 2 จ.นครราชสีมา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งก่อนหน้านี้คณะทำงานร่วมเคยมีมติเห็นควรสั่งฟ้อง วิรัช ไปยังอัยการสูงสุด
โดยการประชุมร่วมดังกล่าวมีการแจ้งคำสั่งอัยการสูงสุด ให้ฟ้อง วิรัช รัตนเศรษฐ กรณีการทุจริตเงินจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลในพื้นที่เขตการศึกษาที่ 2 จ.นครราชสีมา โดยฝ่ายอัยการจะใช้ระยะเวลาเพื่อร่างคำฟ้องประมาณ 60 วัน ก่อนจะยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีทุจริตเงินจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนในพื้นที่เขตการศึกษาที่ 2 จ.นครราชสีมา นั้น ตามสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุผู้ถูกกล่าวหาซึ่งประกอบด้วยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการระดับสูง และกลุ่มเอกชน มีพฤติการณ์ร่วมกันทุจริตเชิงนโยบาย และเป็นตัวการร่วมกันในลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำ ตามบทบาทตามหน้าที่และอำนาจที่แต่ละคนมี และเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการกระทำความผิด โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเอกชน ร่วมดำเนินการอย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการโดยทุจริต
เริ่มจากขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบประมาณปี พ.ศ. 2555 (งบแปรญัตติ) ให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอื่น รวม 18 จังหวัด วงเงินงบประมาณ 4,459,420,000 บาท ใน 2 โครงการหลัก หนึ่งในนั้นคือโครงการก่อสร้างสนามกีฬาฟุตซอล รวมถึงมีการวางแผนในการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอีกหลายประการ
เพื่อให้กลุ่มเอกชนที่เป็นพรรคพวกของตนเองได้เข้าเป็นคู่สัญญา และการก่อสร้างสนามกีฬาฟุตซอลไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงตรงตามวัตถุประสงค์ โดยมีการชี้มูลการกระทำผิดเป็น 7 สำนวน ส่งอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องไป 1 สำนวน ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุด (อสส.)
ด้าน วิรัช เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวขอปฏิเสธข้อกล่าวหาในการเข้าไปแทรกแซงการใช้งบประมาณ แต่ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และจะชี้แจงข้อเท็จจริง รวมถึงแนวทางการสู้คดีในเร็วๆ นี้