อนุทิน จัดหนัก! ประณามคนลักลอบเข้าเมืองแต่ไม่ยอมให้ข้อมูล-กักตัว ทำประเทศเสียหาย

อนุทิน จัดหนัก! ประณามคนลักลอบเข้าเมืองแต่ไม่ยอมให้ข้อมูล-กักตัว ทำประเทศเสียหาย

อนุทิน จัดหนัก! ประณามคนลักลอบเข้าเมืองแต่ไม่ยอมให้ข้อมูล-กักตัว ทำประเทศเสียหาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"อนุทิน" ประณามคนลักลอบเข้าไทยติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่ให้ข้อมูล-ไม่ยอมกักตัว สร้างความเสียหายให้ประเทศ ย้ำกระทรวงสาธารณสุขคุมสถานการณ์ได้ ยังไม่ใช่การระบาดรอบ 2

วันนี้ (3 ธ.ค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงความคืบหน้าการสืบสวนโรคโควิด-19 กรณีการลักลอบเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ จ.เชียงราย และตรวจพบเชื้อโควิด-19 ที่ จ.เชียงใหม่ ว่า ขณะนี้ผู้ติดเชื้อทุกคนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งคนที่เดินทางกลับเข้าประเทศส่วนใหญ่รู้ว่าตัวเองป่วยแต่ไม่แจ้งข้อมูลหรือแสดงตนกับจังหวัด และกักตัวตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

ทั้งนี้ นายอนุทิน ยังย้ำว่า บุคคลเหล่านี้สร้างความเสียหายให้กับประเทศและให้ผู้อื่นมาตามรับผิดชอบซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย และยังไม่ทราบว่าจะสามารถดำเนินคดีที่เข้าข่ายความผิดกฎหมายใดบ้าง แต่ทางกระทรวงสาธารณสุขจะรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนโรคและให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชนอย่างถูกต้อง พร้อมประสานไปยังหน่วยงานความมั่นคงและฝ่ายปกครอง เพื่อปิดช่องทางการลักลอบต่างๆ ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันรับผิดชอบ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ที่ต้องร่วมกันสอดส่องว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาหรือไม่

นอกจากนี้ นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ได้และไม่ใช่การระบาดรอบ 2 และล็อกดาวน์จังหวัด ซึ่งมีการควบคุมและติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงขอให้ผู้ที่ลักลอบเข้าประเทศจากอำเภอท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ออกมาแสดงตนที่โรงพยาบาลและให้ข้อมูล เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว จึงต้องร่วมกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างมากกว่านี้ ตนไม่ได้มีเจตนาดำเนินคดีกับผู้ลับลอบเข้าเมือง เพราะหากมาแสดงตนก็ถือว่าทำประโยชน์คุณงามความดีให้กับประเทศ

อย่างไรก็ตาม รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ระบุอีกว่า บุคลากรทางการแพทย์มีความพร้อมและกรมควมคุมโรคได้ไปตั้งศูนย์ปฎิบัติการที่ จ.เชียงรายและเชียงใหม่ เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์รวมทั้งเตรียมความพร้อมในการรักษาคนที่โชคไม่ดี และยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่สามารถคลายล็อก เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นและไม่เหมือนกับเหตุการณ์สนามมวย เพราะผู้ที่อยู่แนวชายแดนไม่ยินยอมแสดงตัวและให้ข้อมูล จึงขอให้ร่วมประณามการกระทำเช่นนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook