เด็กหญิง ป.6 ลุยมาม็อบกับพี่สาว โผกอดรุ้ง ปนัสยา บอก "ไม่อยากให้พี่รุ้งเป็นอะไร"
เด็กหญิงชั้น ป.6 จากชัยพฤกษ์เดินทางมาม็อบที่ห้าแยกลาดพร้าวกับพี่สาว โผกอด "รุ้ง ปนัสยา" ร่ำไห้กลัวรุ้งติดคุกอีก-ไม่อยากเห็นใครโดนยิง
กลายเป็นโพสต์ที่ถูกแชร์ไปทั่วโลกออนไลน์ หลังจากที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก โอม ชาวไร่ ได้โพสต์ภาพของ รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ขณะสวมกอดเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่ง หลังเวทีชุมนุมของกลุ่มราษฎรจัดการชุมนุมบริเวณห้าแยกลาดพร้าว เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า
"น้องอยู่ชั้นประถมปีที่ 6 มาจากชัยพฤกษ์นั่งรถไฟฟ้ามา เพื่อมาหารุ้งโดยเฉพาะ มาขออนุญาตเข้าไปหาพี่รุ้งได้ไหม ผมไม่รู้น้องคุยอะไรกับรุ้งบ้าง แต่ที่ผมเห็นคือน้องยืนร้องไห้อยู่ครึ่งชั่วโมงโดยมีรุ้งคอยปลอบ หลังจากน้องออกมาผมจึงสอบถามว่าน้องเป็นอะไร
น้องบอกกับผมว่า “สงสารพี่รุ้งคะ ไม่อยากให้พี่รุ้งเป็นอะไร พี่อย่าให้ใครมาทำอะไรพี่รุ้งได้ไหม” แล้วก็ร้องไห้ไม่หยุดผมยื่นนิ้วก้อยให้น้องพร้อมปลอบน้องว่า ไม่มีใครทำอะไรพี่รุ้งได้ พวกพี่สัญญา พวกพี่จะดูแลเอง โอเคนะ แล้วน้องก็ร้องไห้เดินจากไป พร้อมกับพี่สาวที่พาน้องมาอีกคน
สอบถามพี่สาวน้องได้ใจความว่า น้องอยู่ ป.6 สนใจเรื่องการเมืองมาก และไปค้นหาข้อมูลทั้งหมดจึงทราบว่ารุ้งกำลังโดนคดี 112 น้องเป็นห่วงรุ้งมาก จะมาหารุ้งให้ได้
น้องเก่งจังที่ไม่ยอมต่อความอยุติธรรม แม้ว่าเขาอายุเท่านี้แต่ความคิดเขาเป็นผู้ใหญ่มาก ผมเป็นผู้ใหญ่บางทีผมยังรู้สึกละอายใจเลยที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้
ขอให้หนูตั้งใจเรียนนะ แล้วโตมาช่วยเปลี่ยนประเทศนี้ให้ดีขึ้น พี่จะเป็นกำลังใจให้หนูนะ พี่สัญญาแล้วพี่ต้องทำให้ได้ เป็นอีกวันที่ผมรู้สึกว่าหัวใจผมแอบร้องไห้อีกครั้ง"
ขณะที่ รุ้ง ปนัสยา ได้โพสต์เล่าเหตุการณ์ดังกล่าวในเวลาต่อมา ระบุว่า "วันนี้มีน้องคนนึงมาหาเราหลังเวที พอเห็นหน้าเราน้องก็ยืนร้องไห้อยู่นานมาก ด้วยคำถามหลายๆ คำถามที่น้องไม่ได้คำตอบจากสังคมนี้ น้องกลัวเราติดคุกอีก น้องไม่อยากเห็นใครโดนยิงอีก และอีกหลายคำถามที่เราฟังแล้วเราก็ได้แต่อึ้งไปเพราะไม่รู้จะตอบน้องยังไง
เราได้แต่บอกน้องว่าต้องเข้มแข็ง ต้องยืนหยัดในสิ่งที่เราสู้ เราได้ให้คำสัญญากับน้องว่าเราจะไม่หายไปไหนอีกซึ่งเราไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเราจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้ไหม
เราขอบคุณน้องมากๆ ที่พูดสิ่งที่น้องคิดให้เราฟัง และเราหวังว่าเมื่อถึงเวลาที่น้องโตขึ้นมา สังคมในตอนนั้นคงเป็นสังคมที่ดี ที่เราไม่ต้องสู้เรื่องเดิม ๆ อีกต่อไปแล้ว"