นักศึกษาสาวไลฟ์เฟซบุ๊ก นาทีแฟนเก่าวัย 16 ลูกตำรวจ ลากไปซ้อมน่วม-สั่งให้กราบเท้า

นักศึกษาสาววัย 19 ไลฟ์เฟซบุ๊ก ขณะถูกแฟนเก่าวัย 16 ลากไปซ้อมที่ห้องพัก รุ่นพี่เห็นไลฟ์รีบมาช่วย

(4 ธ.ค.63) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นหญิงสาวไลฟ์เฟซบุ๊กขณะที่ตัวเองถูกชายวัยรุ่นคนหนึ่งใช้กำลังตบตี ลักษณะเหมือนอยู่ในห้องพัก โดยในคลิปจะเห็นว่าฝ่ายชายได้ต่อว่าฝ่ายหญิงด้วยถ้อยคำหยาบคาย หาว่าฝ่ายหญิงไปต่อว่าครอบครัวของตัวเอง และกล่าวหาว่าไปแชทคุยกับผู้ชายคนอื่น ซึ่งขณะที่ฝ่ายชายต่อว่าด้วยอารมณ์โมโหก็ใช้กำลังตบตีฝ่ายหญิงเป็นระยะ โดยไม่สนว่าฝ่ายหญิงจะขอร้องให้หยุดและร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้บางช่วงก็มีการบังคับให้ฝ่ายหญิงก้มกราบเท้าด้วย ซึ่งขณะที่ฝ่ายชายตบตีฝ่ายหญิงก็มีเพื่อนของฝ่ายชายอยู่ในห้อง แต่ก็ไม่ได้เข้าไปห้ามหรือช่วยเหลือแต่อย่างใด

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง น้องปิ่น (นามสมมติ) อายุ 19 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กที่ไลฟ์ขอความช่วยเหลือ  ก็เล่าให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันตนเป็นนักศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ได้คบหากับ นายก้อง (นามสมมติ) อายุ 16 ปี  ชายที่ปรากฏในคลิป ซึ่งเป็นลูกชายของตำรวจสังกัด สภ.แห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์  ได้ประมาณ 3 เดือน  แต่ตนทนพฤติกรรมของนายก้อง ไม่ไหวที่มีนิสัยเกเร ชอบไปบังคับขอเงินพ่อแม่ตัวเอง  พอตนตักเตือนเพราะไม่อยากให้ไปรบกวนพ่อแม่ แต่นายก้อง ก็ไม่ฟังทั้งยังมาต่อว่าตนเองสารพัดทำให้มีปากเสียงทะเลาะกันบ่อย  ตนจึงได้ตีตัวออกห่างและเลิกรากันได้เกือบ 1 เดือนแล้ว   

กระทั่งล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (3 ธ.ค.63)  ขณะตนเองไปเที่ยวกับเพื่อนที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ ฝ่ายชายก็มาดักรอที่ลานจอดรถและขอเคลียร์ทั้งพยายามขอคืนดี  แต่ก็พูดคุยกันไม่ลงตัว นายก้องก็ฉุดกระชากตนเองขึ้นรถยนต์บังคับให้ไปเคลียร์กันที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งในตัวเมือง ซึ่งเป็นห้องเช่าของเพื่อนนายก้องเอง แต่พอไปถึงห้องนายก้อง ก็พูดด้วยอารมณ์โมโหและต่อว่าตนเองด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทั้งพยายามใช้กำลังตบตี ตนจึงตัดสินใจไลฟ์เพื่อขอความช่วยเหลือ ตามที่ปรากฏในคลิป

น้องปิ่น ผู้เสียหาย ยังบอกอีกว่า นายก้องได้ใช้กำลังตบตีที่บริเวณใบหน้าหลายครั้งจนปากแตก หน้าบวม ทั้งใช้มือผลักหัวกระแทกผนังปูนจนหัวโน ซึ่งตนก็พยายามสู้แต่ก็สู้แรงผู้ชายไม่ไหว   ส่วนเพื่อนของนายก้องที่อยู่ในห้องซึ่งเห็นเหตุการณ์ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย กระทั่งมีรุ่นพี่ซึ่งเห็นไลฟ์จึงได้มาช่วยและพาส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นก็ได้เข้าแจ้งความบันทึกไว้เป็นหลักฐานแล้ว ส่วนจะดำเนินคดีตามกฎหมายหรือไม่ก็รอทางครอบครัวตัดสินใจอีกครั้ง