โฆษกรัฐบาลแจง สว.สหรัฐ อาจได้ข้อมูลคลาดเคลื่อน ยันไทยยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย

โฆษกรัฐบาลแจง สว.สหรัฐ อาจได้ข้อมูลคลาดเคลื่อน ยันไทยยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย

โฆษกรัฐบาลแจง สว.สหรัฐ อาจได้ข้อมูลคลาดเคลื่อน ยันไทยยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไทย กล่าวกับวีโอเอไทยถึงการเสนอมติของสมาชิกคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์ประชาธิปไตยในไทยว่า “อาจได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย” พร้อมยืนยัน “ยังไม่มีผู้ถูกดำเนินคดีเพียงเพราะการชุมนุมโดยสงบ”

“ประเทศไทยยึดมั่นหลักประชาธิปไตยและเคารพเสรีภาพในการแสดงความเห็นและการชุมนุมอย่างสงบ โดยเปิดกว้างให้มีการชุมนุมอย่างต่อเนื่องหลายเดือน และพร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ชุมนุม”

“แต่การดำเนินการของผู้ชุมนุมหลายกรณีไม่อาจถือว่าเป็นการชุมนุมอย่างสงบ และเสี่ยงที่สถานการณ์จะลุกลามจนเกิดความรุนแรง รัฐบาลจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุมและสาธารณชน หากมีผู้ทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย” นายอนุชากล่าว​

เขายังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลกำลังอยูในขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม และจะต้องมีการทำประชามติต่อไป

“การดำเนินการเหล่านี้เป็นกระบวนการภายในที่ต้องใช้เวลา จึงหวังว่าสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมิตรของไทยมายาวนานจะเข้าใจและสนับสนุน”

แทมมี ดักเวิร์ธ' พร้อมส.ว.เดโมเเครตหลายคน เสนอวุฒิสภาสนับสนุนปชต.ในไทย

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตจำนวนเก้าคน รวมถึงพ.ท. หญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เชื้อสายไทย ได้ยื่นขอมติวุฒิสภา เพื่อเน้นพันธสัญญาของสหรัฐฯ ต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และหลักนิติธรรมในไทย หลังมีการประท้วงมาอย่างต่อเนื่อง

มติฉบับนี้มีข้อเรียกร้องถึงวุฒิสภาห้าข้อ รวมถึงการสนับสนุนชาวไทยในการเรียกร้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตย เรียกร้องให้รัฐบาลไทยปกป้องและสนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสันติ เสรีภาพในการแสดงออก ปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวทางการเมืองทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข หยุดคุกคามข่มขู่ ผู้เข้าร่วมประท้วง โดยมีผู้ประท้วงถูกจับกุมแล้วกว่า 170 คนนับตั้งแต่มีการชุมนุมมา

มติดังกล่าวยังเรียกร้องให้วุฒิสภาสหรัฐฯ ระบุอย่างชัดเจนว่าการทำรัฐประหารเพื่อแก้วิกฤติทางการเมืองในปัจจุบันจะทำให้เกิดผลในทางตรงกันข้าม และอาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-ไทย มากขึ้น

มติของส.ว. สหรัฐฯ พรรคเดโมแครตกลุ่มดังกล่าว ยังระบุถึงพัฒนาการสถานการณ์การเมืองไทยมีการระบุถึงการเลือกตั้งของไทยเมื่อปีพ.ศ. 2562 ว่า “มีกลุ่มติดตามการเลือกตั้ง อิสระหลายกลุ่ม ระบุว่ามีข้อพร่อง และเอนเอียงเพื่อให้กลุ่มอำนาจทหาร ที่มีพรรคของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา จัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยได้รับการสนับสนุนจากวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งของคณะทหารและไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง”

ทางด้านนายอนุชา ระบุว่า การที่สหรัฐฯ รับรองการกลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของไทยเมื่อปีที่แล้ว ถือเป็นหนึ่งในพัฒนาการเชิงบวกนับตั้งแต่พลเอกประยุทธ์เดินทางเยือนสหรัฐฯ แบบทวิภาคีเมื่อปีพ.ศ. 2560

“หวังว่าสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมิตรของไทยมายาวนานจะเข้าใจและสนับสนุน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไทย กล่าว “ (สหรัฐฯ ยัง) ยืนยันที่ไม่แทรกแซงกิจการภายในของไทย”

ท่าทีของส.ว.สหรัฐฯ มีขึ้นหลังองค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศต่างๆ รวมถึงสำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แสดงความกังวลถึงสถานการณ์การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในไทยที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และทวีความตึงเครียดมากขึ้นในเดือนตุลาคม เมื่อรัฐบาลไทยตัดสินใจประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง รวมถึงการควบคุมและจับตัวนักกิจกรรม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook