เปิดสาเหตุ หญิงสิงห์บุรีป่วยโควิด-19 คาดไม่ได้ติดบนเครื่องบิน แต่สัมผัสเชื้อตอนรอในสนามบิน
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงการติดเชื้อภายในประเทศ เคสของหญิงชาวสิงห์บุรี ซึ่งตรวจสอบพบว่า ได้เดินทางด้วยสายการบิน เที่ยวบินเดียวกับ 3 ผู้ลักลอบกลับไทย ที่ติดเชื้อโควิด-19
โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 37 ราย ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกในครัวเรือน เพื่อนร่วมงาน ที่ทำงาน เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่ติดต่อ เพื่อนบ้าน รวมทั้งร้านตัดเสื้อ ซึ่งทั้งหมด เข้าตรวจสอบแล้ว 32 คน ไม่พบเชื้อ ส่วนอีก 5 คนอยู่ระหว่างรอผลตรวจ
ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 18 ราย พบที่สนามบิน โรงแรม โรงพยาบาล 2 แห่ง โดยทั้ง 18 ราย ได้เข้าตรวจหาเชื้อก่อนหน้านี้แล้ว ผลตรวจคือ ไม่พบเชื้อ แต่กักตัวเฝ้าระวังสังเกตอาการครบ 14 วัน
28 พ.ย 63 ผู้ป่วยชาวสิงห์บุรีได้เดินทางด้วยเที่ยวบิน DD8717 จากสนามบินแม่ฟ้าหลวง ไปยังสนามบินดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ผู้ป่วยรายนี้นั่งห่างจากผู้ป่วยที่ลักลอบกลับไทยถึง 8 แถว โดยทางสาธารณสุข แจ้งว่า ไม่น่าเป็นสาเหตุของการติดเชื้อ
แต่ปัจจัยเสี่ยง เกิดขณะที่อยู่ในสนามบิน ระหว่างผู้ป่วยรอขึ้นเครื่อง ส่งผลให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม ด้วยการดูกล้องวงจรปิดภายในสนามบิน พบภาพบางมุม ที่ผู้ป่วยสวมหน้ากากไม่ถูกต้อง หน้ากากตกลงมาอยู่บริเวณใต้คาง และอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ลักลอบเข้าประเทศ จึงเป็นสาเหตุที่อาจจะติดเชื้อได้สูง
นอกจากสายการบิน ที่ผู้ป่วยโดยสารแล้ว ขณะรอขึ้นเครื่อง ยังมีผู้โดยสารสายการบินอื่นอยู่ไกลชิดกับผู้ป่วยด้วย แต่ทั้งหมด เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ มี 4 สายการบิน
เที่ยวบิน DD8717 สายการบินนกแอร์ วันที่ 28 พ.ย. 63 เวลา 13.40 น
เที่ยวบิน SL533 สายการบิน Thai Lion Air วันที่ 29 พ.ย. 63 เวลา 10.40 น
เที่ยวบิน WE137 สายการบิน Thai Smile วันที่ 29 พ.ย. 63 เวลา 20.30 น
เที่ยวบิน SL545 สายการบิน Thai Lion Air วันที่ 30 พ.ย 63 เวลา 19.15 น
สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางจาก จ.เชียงราย มายังกรุงเทพมหานคร ให้สังเกตอาการตัวเอง หากมีอาการ ไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ให้โทรแจ้ง 1422 หรือ หน่วยงานสาธารณสุขใกล้บ้าน และไปรับการตรวจที่ รพ.ใกล้บ้าน โดยสวมหน้ากาก เว้นระยะห่างจากผู้อื่น และเดินทางควรใช้รถส่วนตัว เพื่อป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง