วัคซีนโควิดแอสตร้าเซนเนก้า ที่ไทยจอง ผลทดสอบฉบับเต็มเผยประสิทธิภาพไม่ถึง 70%
มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และบริษัทยา แอสตร้าเซนเนก้า ที่มีฐานดำเนินงานในสหราชอาณาจักร เผยผลทดสอบวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ฉบับสมบูรณ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์แลนเซต ยืนยันว่า วัคซีนดังกล่าวที่พัฒนาร่วมกันมีประสิทธิภาพเพียง 62% ในการทดสอบกับคนจำนวนมาก ส่วนข่าวที่ระบุว่าได้ผลถึง 90% เกิดขึ้นเฉพาะในการทดสอบกับคนจำนวนน้อยกว่า
ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าวัคซีนขนานนี้จะได้ผลดีกับผู้รับวัคซีนที่มีอายุมากกว่า 55 ปี มากน้อยเพียงใด แม้ว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ถ้าติดเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรงที่สุดก็ตาม
ขณะเดียวกันนักวิจัยต่างก็กำลังศึกษาว่าต้องฉีดวัคซีนปริมาณเท่าใดจึงจะทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบวัคซีนของออกซ์ฟอร์ดและแอสตร้าเซนเนก้าก็แสดงให้เห็นว่ามีความปลอดภัย ทั้งยังเป็นวัคซีนที่มีราคาต่ำ เพียงแค่ 2-3 ดอลลาร์ (60-90 บาท) ต่อโดส ทั้งยังง่ายต่อการผลิต ขนส่ง และเก็บรักษากว่าของคู่แข่ง
วัคซีนของบริษัทยา ไฟเซอร์ ที่พัฒนาร่วมกับ ไบออนเทค แม้จะได้ผลมากกว่า 90% แต่ต้องเก็บรักษาโดยใช้น้ำแข็งแห้ง ไม่ก็ตู้แช่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า -70 องศาเซลเซียส ส่วนวัคซีนของบริษัทยา โมเดอร์นา ที่ได้ผลมากกว่า 90% เช่นกัน สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นธรรมดาได้มากถึง 1 เดือนและตู้แช่นานถึง 6 เดือน
วัคซีนของออกซ์ฟอร์ดและแอสตร้าเซนเนกา กลับเก็บไว้ในตู้เย็นธรรมดาได้ระยะที่ยาวกว่ามาก ซึ่งง่ายต่อการแจกจ่ายไปทั่วโลก
นอกจากนี้ ออกซ์ฟอร์ดและแอสตร้าเซนเนก้า เผยว่ากำลังยื่นขออนุญาตใช้วัคซีนโควิด-19 ขนานนี้ในหลายประเทศ อาทิ บราซิล สหราชอาณาจักร อินเดีย และหลายประเทศในยุโรป