พ่อปู่ฤๅษีหายสาบสูญ 25 ปี พบจมอยู่ใต้สะพาน พอนักประดาน้ำลงไปงมกลับหาไม่เจอ
รูปปั้นพ่อปู่ฤๅษีหายสาบสูญ 25 ปี นักประดาน้ำลงไปฝึกพบจมอยู่ใต้สะพาน แต่พอจะอัญเชิญขึ้นมากลับงมหาไม่เจอ
(11 ธ.ค.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.00 น. นักประดาน้ำของมูลนิธิสว่างราชบุรี โดยนายเอกลักษณ์ วงศ์ยะรา อายุ 34 ปี หัวหน้าทีมชุดมารีน 1301 พร้อมด้วยนายเสกสม พุทธสอน อายุ 53 ปี หัวหน้าฝ่ายสื่อสาร มูลนิธิสว่างราชบุรี นำเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำ 8 นาย พร้อมด้วยอุปกรณ์ในการดำน้ำ ลงค้นหารูปปั้นพ่อปู่ฤๅษีซึ่งมีขนาดความสูง 12 นิ้ว หน้าตักความกว้างประมาณ 15 นิ้ว ช่วงเสาตอหม้อสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง วัดจอมประสาท-ท่าชุมพล ม.4 ต.คลองข่อย อ.โพธาราม ที่ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 ช่วงเวลาประมาณ 11.00 น.
โดยนักประดาน้ำจากมูลนิธิสว่างราชบุรี ขณะฝึกสอนการดำน้ำ และมีการบันทึกคลิปวีดีโอไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการค้นพบดังกล่าว ซึ่งเป็นรูปปั้นพ่อปู่ฤๅษีที่หายสาบสูญออกไปจากศาลใต้ต้นโพธิ์ใหญ่บริเวณหน้าวัดจอมปราสาท หมู่ที่ 4 ต.คลองข่อย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เมื่อประมาณ 25 ปีก่อน จากคำเลื่องลือของชาวบ้านและคอหวยว่าพ่อปู่ฤๅษี ทั้ง 9 องค์ ที่ตั้งอยู่ในศาลให้หวยแม่น มีผู้โชคดีจำนวนมาก และได้หายไปก่อนจะมาถูกค้นพบดังกล่าว แถมสภาพของรูปปั้นพ่อปู่ฤๅษี ยังมีสภาพสมบูรณ์แม้จะจำน้ำมายาวนานก็ตาม
นายเอกลักษณ์ หัวหน้าทีมชุดมารีน นักประดาน้ำ เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่ได้รับการร้องขอจากทางกรรมการวัด ว่าประสงค์จะให้เชิญพ่อปู่ฤๅษีที่ถูกพบเจอใต้ตอม่อสะพาน เพื่อที่จะนำมาประกอบพิธีเพื่อนำมาตั้งไว้ที่ศาลใต้ต้นโพธิ์ใหญ่เพื่อให้ชาวบ้านได้กราบไหว้ขอพร โดยพ่อปู่ฤๅษีที่พบองค์นี้ ตนกับเพื่อนๆ ได้พบเห็นเมื่อต้นเดือนมีนาคนช่วงนี้กำลังดำน้ำฝึกนักเรียน หลังจากนั้นช่วงเดือนกรกฎาคม ตนมาทำการฝึกซ้อมดำน้ำและเป็นช่วงที่น้ำลด จึงเห็นช่วงเศียรอย่างชัดเจน ตอนนั้นน้องๆในทีมได้มาช่วยกันยกพ่อปู่ฤๅษีขึ้นมาแต่ไม่สามารถยกขึ้นได้เพราะมีน้ำหนักมาก ต้องใช้ถึง 3 คนจึงจะยกขึ้นได้ และตั้งไว้ที่เนินตามเดิม พร้อมทั้งใช้กล้องถ่ายใต้น้ำบันทึกคลิปภาพเหตุการณ์เอาไว้
นายเอกลักษณ์ เล่าต่อว่า เมื่อเวลา 06.00 น. ตนและทีมนักประดาน้ำ 8 คน ได้นำอุปกรณ์ดำน้ำมายังจุดที่พบพ่อปู่ฤๅษี โดยมีพิธีพราหมณ์ จากนั้นได้จุดธูปเพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมทั้งยกพานขอขมา และขอให้พบพ่อปู่ฤๅษีองค์ดังกล่าว จากนั้นตนเองและทีมนักประดาน้ำได้ลงค้นหา บริเวณตอหม้อสะพาน และพื้นที่ใกล้เคียง แต่จะเน้นเฉพาะจุดที่คนพบ “พ่อปู่ฤๅษี” ซึ่งล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน ตนได้มาดำน้ำที่จุดดังกล่าว ยังคงเห็นอีกครั้ง โดยช่วงที่น้ำลดจะเห็นเศียรได้อย่างชัดเจน โดยการลงไปดำแบบปูพรม แต่ปรากฏว่าหาไม่พบ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากองค์ของพ่อปู่ฤๅษีมีน้ำหนักมาก และอยู่ในจุดที่ไม่ใช่กระแสน้ำพัด ซึ่งตนใช้เวลาค้นหานานกว่า 7 ชั่วโมงแต่ก็ไม่พบ จึงได้ยกเลิกภารกิจและกลับไปวางแผนการค้นหาอีกครั้ง
และยังมีเรื่องราวของรูปปั้นของพญานาค 7 หัว ที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ตรงจุดที่พบกับรูปปั้นฤๅษี โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน ประมาณต้นปี 2561 มีเหตุชายชาวพม่าจมน้ำเสียชีวิต ตนและทีมนักประดาน้ำได้ลงไปงมค้นหาแต่ก็ไม่พบ จนมีชาวบ้านมาเล่าให้ฟังว่า ชายพม่าที่จมน้ำเสียชีวิตได้ปัสสาวะใส่ที่รูปปั้นพญานาค ตนจึงมานั่งบนกับพญานาคว่าขอให้เจอ พร้อมทั้งเอารูปปั้นพญานาคลงไปเป็นลูกถ่วงน้ำเพื่อให้สามารถดำลงไปพื้นท้องน้ำได้ ระหว่างค้นหาปรากฏว่าหัวของพญานาคหลุดออกทีละหัว จนหมด 6 หัว ระหว่างนั้นตนได้ดำเจอทีละหัว เลยเก็บไปทีละหัว จนถึงหัวที่ 6 จนมาเจอศพของชายชาวพม่าคนดังกล่าวนอนเสียชีวิตอยู่ใต้น้ำและมีหัวของพญานาคติดที่ตัวของศพด้วย จากนั้นจึงได้นำศพชายชาวพม่าขึ้นมา และได้นำรูปปั้นพญานาค กลับมาตั้งไว้ที่ใต้ต้นไม้ตรงจุดเดิมจนถึงปัจจุบัน
นายเอกลักษณ์ เล่าอีกว่า ในระหว่างที่กำลังค้นหา 1 ในลูกทีมได้บอกว่า เมื่อคืนฝันว่า ตนและทีมนักประดาน้ำ ได้ลงมาค้นหารูปปั้นของฤๅษี ค้นหาอยู่นานแต่ไม่เจอ ปู่หาย ไม่อยู่แล้ว ซึ่งตนเองก็แปลกใจว่าจะเป็นไปได้อย่างไร
ด้าน นายสุรีย์ ดอนเดือนไพร อายุ 62 ปี กรรมการวัดจอมปราสาท และเป็นผู้ที่ศรัทธาต่อพ่อปู่ฤๅษี กล่าวว่า ฤๅษีองค์ที่พบองค์นี้ เป็น 1 ใน 9 ของฤๅษีที่อยู่ในศาลใต้ต้นโพธิ์ มีอายุเก่าแก่ประมาณ 100 ปี ซึ่งหายไปจากศาลทั้ง 9 องค์เมื่อ 25 ปีก่อน หรือ ปี 2538 โดยรูปปั้นฤๅษีทั้ง 9 องค์เป็นของหลวงพ่อปรีชา อดีตเจ้าอาวาสวัดจอมปราสาท ซึ่งพ่อปู่ฤๅษีนี้เป็นที่โด่งดังมากในสมัยนั้น เนื่องจากให้หวยแม่น มีคนถูกหวย รวยเบอร์จำนวนมาก จนกระทั่งมาทราบข่าวว่ารูปปั้นฤๅษีหายไปทั้ง 9 องค์ โดยชาวบ้านต่างก็รุมสาปแช่ง และพยายามค้นหาแต่ก็ไม่เจอ
จนกระทั่งเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่มูลนิธินำภาพมาให้ดู และกรรมการวัดรวมไปถึงชาวบ้านต่างยืนยันว่าใช่ฤๅษี 1 ใน 9 องค์ที่หายไปจริง และมีร่างทรงของปู่ฤๅษีจอมปราสาท มาบอกว่า มีฤๅษีอยู่ 4 องค์ใต้ฐานตอม่อดังกล่าว ตนจึงขอให้ทางมูลนิธิมาทำการค้นหาและนำขึ้นมาเพื่อประกอบพิธีไหว้ครูและนำกลับไปตั้งไว้ที่วัดจอมปราสาทตามเดิม เพื่อให้ชาวบ้านกราบไหว้ แต่ปรากฏว่าถึงขณะนี้ยังหาไม่เจอ จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเพราะก่อนหน้านี้จะเห็นกันตลอดเวลาน้ำลด แต่ก็เชื่อว่าถึงเวลาท่านจะขึ้นมาปรากฏให้เห็นอีกครั้ง
ส่วนการที่นำรูปปั้นของฤๅษีมาทิ้งไว้ที่ใต้ตอม่อสะพานนั้น เป็นความเชื่อที่ว่าจะสะกดดวงจิตบารมีขององค์พ่อปู่ฤๅษีอยู่ภายในรูปปั้น และทำให้ความขลังรวมไปถึงมนต์คาถาเสื่อมลง