เมียมือฆ่าสาวรร.หลังป้ายรถเมล์วอนอโหสิสามี
พ่อแม่-เพื่อน ร่ำไห้รับศพ สาวโรงแรม เหยื่อฆาตกร ฆ่าข่มขืน แม่เผยทั้งน้ำตาไม่อโหสิกรรมให้กับคนร้าย ลูกสาวกำลังมีโครงการหมั้นหมายแต่งงาน นำศพบำเพ็ญกุศลจ.เชียงราย เมียฆาตกรฆ่าพนักงานโรงแรมโผล่เข้าเยี่ยมสามีวอนขอให้ญาติผู้ตายอโหสิกรรม
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา -- เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 ตุลาคม นายบุญภพ วิงวอน อายุ 50 ปี และนางแสงดาว วิงวอน อายุ 48 ปี บิดาและมารดาของ น.ส.ศศิประภา วิงวอน อายุ 30 ปี ที่ถูกคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์เหตุเกิดที่ป้ายรถเมย์หน้าวัดศรีบุญเรือง ย่านรามคำแหง พร้อมด้วยแฟนหนุ่ม และเพื่อนร่วมงาน เดินทางมารับศพที่สถาบันนิติเวช บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ โดยเฉพาะนางแสงดาว อยู่ในอาการเศร้าโศกร้องให้อยู่ตลอดดเวลาอุ้มตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวโปรดของน. ส.ศศิประภา อยู่ตลอดเวลาทันทีที่เห็นศพก็ร่ำไห้อย่างน่าเวทนา
นางแสงดาว กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนมีลูกสาวสองคนเป็นฝาแฝด ผู้ตายเป็นแฝดพี่ ส่วนแฝดน้องคือน.ส.ศศิวิมล วิงวอน ทำงานอยู่ประเทศตุรกี ที่ผ่านมาลูกสาวเป็นเด็กดี เรียบร้อย ซึ่งเมื่อคืนวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา ได้คุยกับลูกสาวครั้งสุดท้าย ลูกสาวพูดเป็นลางว่าปีใหม่ปีนี้ไม่ได้กลับบ้านเพราะแลกเวรไม่ได้ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร ส่วนลูกสาวคนน้องขณะนี้อยู่ที่ประเทศตุรกี ตนได้โทรศัพท์ไปแจ้งเรื่องการเสียชีวิตของพี่สาว ซึ่งลูกคนเล็กบอกว่ามีอาการไม่สบายและเหมือนรับรู้ได้ว่าเกิดเหตุร้ายกับพี่ สาวเพราะเป็นฝาแฝด
"อยากให้ลูกสาวเป็นรายสุดท้ายดิฉันไม่สามารถอโหสิกรรมให้คนร้ายได้เพราะ ลูกสาวไม่รู้จักและไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับคนร้ายแต่มาทำแบบนี้กับลูกทำใจ ไม่ได้ อยากบอกคนร้ายว่าหากเหตุถการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวเขาคนที่เขารักเขา จะรู้สึกอย่างไร ก่อนหน้านี้ดิฉันกับลูกจะคุยกันเรื่องการแต่งงานของลูกกับแฟนหนุ่มในสัปดาห์ นี้แต่แต่มาเกิดเรื่องร้ายเสียก่อน หลังจากนี้จะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่สุสานบ้านพรรณราย ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย"นางแสงดาว กล่าว
ด้าน น.ส.อุษา แสไพศาล อายุ 27 ปี เพื่อนร่วมงาน กล่าวว่า ผู้ตายเป็นคนน่ารักเพื่อนในที่ทำงานรักกันทุกคน สนิทกับคนง่ายมาตอนเช้า ทุกเช้าเวลามาที่ทำงานก็จะเจอกันทุกเช้า ผู้ตายเป็นคนยิ้มง่ายร่าเริงเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้ทุกคน ซึ่งผู้ตายเคยบ่นว่าเวลาออกจากบ้านเปลี่ยวมากแล้วมีเรื่องอะไรผู้ตายก็จะมา เล่าให้ฟังตลอดแล้วบอกว่าหากมีใครมาทำร้ายก็จะต่อสู้ให้ถึงที่สุด
น.ส.อุษา กล่าวว่า วันที่เกิดเหตุตอเช้าเลยเวลาตกอบัตรแล้วผู้ตายยังไม่มาทำงานตนจึงโทรศัพท์หา ผู้ตายแต่ไม่มีคนรับสายจึงโทรไปหาแฟนผู้ตายจนมาทราบว่าถูกทำร้ายเสียชีวิต แล้ว ซึ่งก่อนผู้ตายเคยไปบวชชีพรหมมา3 วันที่จ.ระยอง และเคยพูดลักษณะเป็นลางว่าหากตัวเขาเป็นอะไรอย่างน้องก็ยังมีน้องฝาแฝดอีกคน ที่เป็นตัวตายตัวแทนกัน
เบื้องต้นผลการผ่าพิสูจน์ศพโดยพ.ต.อ.พัฒนา กิจไกรลาศ นายแพทย์สบ.4 ระบุเสียชีวิตโดยการขาดอากาศหายใจ ถูกบีบคอและสำลักน้ำ นอกจากนี้พบคราบอสุจิในช่องคลอด และร่องรอยการถูกข่มขืน
เมียฆาตกรโผล่เข้าเยี่ยมสามีวอนญาติผู้ตายอโหสิสามี
มื่อเวลา12.30.น วันที่ 2 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภรรยาพร้อมลูกชายวัย 3 ขวบ ของนายสุวิทย์ ได้เดินทางมาขอเข้าเยี่ยมยังสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก หลังจากทราบข่าวทางรายการโทรทัศน์ ว่าสามีของตัวเองได้ก่อคดีดีสะเทือนขวัญ กระทั่งวันนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับสามีเป็นการส่วนตัว พร้อมพาลูกชายวัย3ขวบเข้าเยี่ยมผู้เป็นพ่อ
นางสมใจ (นามสมมุติ) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า หลังเกิดเหตุได้มีญาติโทรศัพท์มาบอกตนเองว่า มีภาพสามีปรากฎอยู่บนจอโทรทัศน์เนื่องจากไปก่อเหตุฆ่าคนตาย ตนรู้สึกตกใจมาก เพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าสามีจะทำเรื่องแบบนี้ได้ จากนั้นจึงพยายามโทรศัพท์ติดต่อหาสามีแต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงรู้สึกวุ่นวายใจเดินทางมายังสน.หัวหมาก เมื่อเห็นสามีอยู่ในห้องคุมขังก็พูดอะไรไม่ออกได้แต่ร้องให้กับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นทั้งหมด
"ดิฉันถามเขาว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เขาบอกว่าเขาเมามาก ไปดื่มเหล้ากับเพื่อนๆมา ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วสามีดิฉันไม่เคยกินเหล้าเมายา และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ดื่มเหล้า ก่อนเกิดเหตุเขาพยายามโทรติดต่อหาดิฉันแต่โทรศัพท์เอาเปียกน้ำ จึงอยากจะขอเหรียญผู้ตายมาโทรศัพท์หาดิฉัน แต่ผู้ตายไม่ยอมให้ บวกกับความเมาจึงพูดจาข่มขู่ผู้ตาย ก่อนจะพลั้งมือฆ่าจนเสียชีวิตในที่สุด"
นางสมใจกล่าวต่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ตนให้อภัยแฟนทุกอย่างเพราะรู้ว่าทำไปเพราะความเมา เพราะที่จริงแล้วแฟนเป็นคนดี ไม่เคยทะเลาะตบตีตน อีกทั้งทำงานหาเลี้ยงครอบครัวสร้างอนาคต เมื่อทางบ้านของตนทราบว่าสามีไปก่อเหตุแบบนี้ จึงต้องการจะให้ตนพาลูกไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดแต่ตนคงไม่กลับไป เพราะอยากจะอยู่ใกล้ๆสามี ถึงแม้สามีจะติดคุกก็จะไปเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง รู้สึกสงสารสามีมาก หากย้อนเวลากลับไปได้คงไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
"เขาบอกดิฉันว้าให้ดิฉันไปทำบุญให้คนตายด้วย เขาเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด และฝากขออโหสิกรรมญาติผู้ตาย สำหรับตัวดิฉันเองต่อไปคงต้องอยู่อย่างลำบากมากขึ้นเพราะไม่มีเงินของสามีมา ช่วยจุนเจือครอบครัว สำหรับสิ่งที่สามีทำลงไปทั้งหมดรู้ดีว่าเป็นเรื่องใหญ่มากเกินกว่าสังคมจะ ให้อภัย แต่ด้วยความที่ดิฉันเป็นภรรยา จึงไม่สามารถที่จะตัดเขาออกจากชีวิตได้ " นางสมใจ (นามสมมุติ) กล่าวทังน้ำตา