สุดสะเทือนใจ ตาจูงมือยายเดินข้ามถนนไปรับเบี้ยคนชรา กระบะพุ่งชนขยี้ดับ 2 ศพ
ตาจูงมือยายเดินข้ามถนน 6 เลยไปรับเบี้ยยังชีพคนชรา กระบะพุ่งชนขยี้ดับ 2 ศพเคียงกัน
(14 ธ.ค.63) เวลา 08.30 น. ร.ต.ท.ธีรวัต พรประสิทธิ์ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุมีรถยนต์กระบะพุ่งชนคนชราเสียชีวิตคาท้องถนน จำนวน 2 ราย เหตุเกิดที่บริเวณบนถนนสาย 304 สุวินทวงศ์ (ฉะเชิงเทรา-กรุงเทพฯ) ด้านฝั่งขาเข้ามุ่งหน้ากรุงเทพฯ ก่อนถึงปั๊มน้ำมันซัสโก้ประมาณ 200 เมตร ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบริเวณทางออกจากหมู่บ้าน และมีช่องลอดขนาดเล็กของแนวแบริเออร์ปิดกั้นร่องกลางถนนสำหรับให้ผู้คนใช้เดินผ่านข้ามถนนใหญ่ได้ ห่างจากช่องลอดไปประมาณ 50 เมตร พบร่างของผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย ลักษณะนอนเรียงรายอยู่บนช่องทางด้านขวาสุด จากทั้งหมด 3 ช่องจราจร และพบเศษกระจังหน้าและชิ้นส่วนของรถยนต์กระบะ เศษอวัยวะรอยเลือด รวมถึงหน้ากากอนามัย ปากกา พวงกุญแจบ้าน และรองเท้าของผู้เสียชีวิต จำนวน 2 คู่
โดยชิ้นส่วนรถและทรัพย์ติดตัวผู้ตาย ปลิวกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นไปทั่วบริเวณ และยังพบไม้เท้าค้ำยันคนชราปลิวไปตกอยู่ติดกับแนวแท่งแบริเออร์ในสภาพคดงอ อีกทั้งยังพบกระเป๋าถือของผู้เสียชีวิตติดไปกับกระจังหน้าของรถยนต์กระบะแบบสี่ประตู ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน 7530 กรุงเทพฯ
ซึ่งรถคันที่ชนจอดนิ่งอยู่ห่างจากร่างของผู้เสียชีวิตไปอีกประมาณ 40 เมตร ตัวรถอยู่ในสภาพฝากระโปรงหน้าเปิดฉีกออกพังยับเยิน โดยจุดเกิดเหตุเป็นช่องลอดที่ กม. 71 พอดี ทราบชื่อของผู้เสียชีวิตทั้งสองรายต่อมา คือ นางอุทัย อายุ 83 ปี และนายเจริญ อายุ 76 ปี ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน
จากการสอบถาม นางจุฑามาศ อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นหลานของนายเจริญ เล่าว่า น้าของตนอยู่กันเพียงลำพัง 2 คนกับภรรยา โดยไม่มีบุตรด้วยกัน แต่มีบุตรบุญธรรมเป็นชาย ที่ไปทำงานยังที่ กทม. คอยช่วยส่งเสียเลี้ยงดูให้อยู่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาหลังจากตักบาตรแล้ว ทั้งสองคนได้พากันออกจากบ้าน ซึ่งอยู่ภายในซอยนี้ เพื่อที่จะเข้าไปในตัวเมืองรับเงินเบี้ยยังชีพคนชรา ยังที่ธนาคารกรุงไทยในตัว จ.ฉะเชิงเทรา โดยทั้งคู่พากันเดินออกมาด้วยการจูงมือตามกันมาเพื่อที่จะไปขึ้นรถสองแถวโดยสารด้านฝั่งตรงข้าม
ซึ่งฝ่ายสามีเป็นคนจูงนำ เนื่องจากน้าสะใภ้นั้นมีอายุมากกว่า จนต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันในเวลาจะเดิน จึงเชื่อว่าในขณะเกิดเหตุทั้งคู่ได้พากันเดินจูงมือกันข้ามถนนไปอย่างช้าๆ แต่ถนนมีขนาดกว้างมากถึงด้านละ 3 เลน จึงทำให้การเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งนั้น ต้องใช้เวลานาน จนทำให้มีรถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงนั้นเบรกหยุดรถให้ไม่ทันและพุ่งชนจนเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งปกติทั้ง 2 คนนี้ มักจะจูงกันข้ามถนนอยู่เป็นประจำ เพราะนอกจากจะไปรับเบี้ยยังชีพแล้ว ยังต้องพากันไปหาหมอเพื่อพบแพทย์ด้วยกันเดือนละหลายครั้ง
ขณะที่ นายสง่า อายุ 61 ปี คนขับรถกระบะ ได้ให้การต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ขับรถออกมาจากบ้านเพื่อที่จะไปยังที่บ้านคลองเจ้า โดยผ่านมาทางถนนสายบายพาสเลี่ยงเมืองบางขวัญ ก่อนจะมาเข้าสู่ถนนสายสุวินทวงศ์เส้นนี้ โดยใช้ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. ขับมาบนเลนด้านขวาสุด
เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ มีรถคันอื่นๆ ขับบังเส้นทางอยู่บนเลนด้านซ้ายทั้ง 2 เลน จึงทำให้ตนที่ขับรถมาบนเลนที่ 3 ด้านขวาสุดนั้น มองไม่เห็น 2 ตายายทั้งคู่ ที่กำลังจะเดินข้ามและพุ่งเข้าชนจนเสียชีวิต ดังกล่าว
ขณะที่ นายศุภชัย อายุ 73 ปี ชาวบ้านซึ่งมีบ้านเรือนพักอาศัยอยู่ที่บริเวณริมถนนใกล้กับจุดเกิดเหตุ กล่าวว่า หลังจากถนนสายนี้มีการก่อสร้างขยายเส้นทางจากด้านละ 2 ช่องจราจร เป็นด้านละ 3 ช่องจราจร รวม 6 ช่องจราจรแล้วเสร็จมาได้ประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมานั้น ได้ทำให้ผู้ใช้เส้นทางขับรถผ่านด้วยความเร็วสูง
เนื่องจากการสัญจรขับรถผ่านไปได้โดยสะดวก เนื่องจากถนนทั้งโล่งเตียน และผิวถนนเรียบ จึงทำให้ชาวบ้านที่จะต้องข้ามถนนไปขึ้นรถโดยสาร หรือรถรับส่งคนงาน ทางด้านฝั่งตรงข้ามนั้นข้ามได้ไม่สะดวก และไม่ปลอดภัย ทั้งที่มีคนพักอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก เพราะขับรถเร็วกันมาก และขับผ่านอยู่ตลอดเวลา จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางแก้ไข หรือทำทางข้ามที่ข้ามได้อย่างสะดวกและปลอดภัยด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาเคยเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้งแล้วตามจุดต่างๆ ที่มีทางข้ามในลักษณะนี้ และบริเวณจุดกลับรถ