พ่อแม่ใจสลาย ลูกชายเสียชีวิตหลังเข้าห้องผ่าตัดแค่ 15 นาที โวยถูกปลอมลายเซ็นยินยอม

พ่อแม่ใจสลาย ลูกชายเสียชีวิตหลังเข้าห้องผ่าตัดแค่ 15 นาที โวยถูกปลอมลายเซ็นยินยอม

พ่อแม่ใจสลาย ลูกชายเสียชีวิตหลังเข้าห้องผ่าตัดแค่ 15 นาที โวยถูกปลอมลายเซ็นยินยอม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ่อแม่ใจสลาย ลูกชายวัย 22 เสียชีวิตหลังเข้าห้องผ่าตัด โวยถูกปลอมลายเซ็นยินยอมให้ผ่า ท้า ผอ.รพ.ออกมาเคลียร์

นายอดุลย์ อายุ 54 ปี บิดาของ นายอดิศร อายุ 22 ปี ซึ่งเสียชีวิตหลังเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน จ.สมุทรปราการ ร้องขอความเป็นธรรม หลังเชื่อว่าถูกเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลแอบปลอมลายเซ็นเพื่อให้ผู้ตายเข้ารับการผ่าตัด จนนำไปสู่สาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต 

โดยนาย อดุลย์ เปิดเผยว่า บุตรชายตนเองได้เข้ามารักษาตัวจากการประสบอุบัติเหตุ เมื่อเช้าวันที่ 7 ธ.ค. 63 ซึ่งหลังจากที่เข้ารักษาตัวที่ รพ.แห่งนี้ แพทย์ก็แจ้งว่าจะต้องทำการผ่าตัด ซึ่งตนเองก็เข้าใจและตัดสินใจให้แพทย์ทำการผ่าตัด โดยพยาบาลได้นำเอกสารมาให้ตนเองเซ็นยินยอม ซึ่งตนเองก็เซ็นด้วยลายมือไป หลังจากลูกชายผ่าตัดเรียบร้อยก็ออกมาพักฟื้น จนแข็งแรงขึ้น พูดคุยได้ปกติ ขณะที่ลูกชายพักฟื้นทางเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าจะต้องผ่าตัดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ตนเองไม่ได้เซ็นเอกสารยินยอมใดๆ ทั้งสิ้น จนมีการนำตัวบุตรชายเข้าห้องผ่าตัด

ภายหลังเจ้าหน้าที่แจ้งว่าลูกชายอาการแย่ กระทั่งทราบอีกทีว่าลูกชายหยุดหายใจ ทำให้ตนเองติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของลูกชาย ส่วนลายเซ็นยินยอมให้ผ่าตัดนั้น ตรวจสอบพบว่าเป็นการแอบปลอมลายเซ็นของตนเอง ซึ่งตนเองยืนยันว่าการเซ็นยินยอมให้ผ่าตัดรอบสองนี้ตนเองไม่ได้เซ็น

ทั้งนี้ ทางครอบครัวยังคงติดใจสาเหตุการตายในครั้งนี้ และยืนยันว่าจะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ตาย พร้อมกับขอให้โรงพยาบาลออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง ส่วนการปลอมลายเซ็นที่เกิดขึ้นนั้นทางครอบครัวเตรียมเข้าแจ้งความเพื่มเติมเพื่อหาตัวผู้ที่ปลอมลายเซ็นมาดำเนินคดีตามกฎหมาย 

ต่อมาในเวลา 15.00 น. ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ นายแพทย์นนท์  จินดาเวช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ได้ออกมาชี้แจงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้กล่าวสรุปว่า  เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่คนไข้เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลบางบ่อ เนื่องจากประสบอุบัติเหตุทางด้านการจราจร การบาดเจ็บหลักๆ ของคนไข้ที่ตรวจเจอก็คือการบาดเจ็บในช่องท้องมีเรื่องของลำไส้ฉีกขาด และกระดูกขาหัก

ส่วนเรื่องที่เกิดเหตุขึ้นเมื่อวานนี้ช่วงบ่ายๆ ที่ทางคุณหมอกระดูก จะเข้าไปทำการผ่าตัดกระดูกขาที่หัก และขณะที่รับเข้าไปในห้องผ่าตัดแล้ว คุณหมอดมยาก็ได้ทำการบล็อกหลัง ก่อนที่จะเริ่มทำการผ่าตัด ตอนที่ทำการบล็อกหลังก็ปรากฎว่าคนไข้ความดันตกลงและมีเรื่องของหัวใจหยุดเต้นจึงทำการช่วยปั๊มหัวใจ แต่สุดท้ายคนไข้ก็เสียชีวิต อันนี้เป็นรายงานเบื้องต้นที่ได้มีการพูดคุยกับทางโรงพยาบาล ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต แต่ยังบอกไม่ได้จริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะปกติเรื่องของกระดูกขาที่หัก

อย่างกรณีคนไข้รายนี้ คือถ้าจะผ่าตัดเพื่อเข้าไปดามกระดูก โดยส่วนใหญ่คุณหมอก็จะเลือกวิธีบล็อกหลังอยู่แล้ว แสดงว่ารายนี้น่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่างหนึ่งทำให้ความดันตกลง และก็หัวใจหยุดเต้น ส่วนในเรื่องที่ญาติของคนไข้ต้องการให้ดมยามากกว่าการบล็อกหลังนั้น ก่อนที่จะมีการผ่าตัดทุกครั้งโดยเฉพาะรายนี้ มีทีมขึ้นไปคุยกับคนไข้และญาติแล้ว แม้ทางญาติอ้างว่าได้แจ้งไปแล้วว่าต้องการให้คนไข้ดมยาไม่ใช่บล็อกหลังนั้น ตรงนี้ตนคิดว่ามันอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ คนที่เชี่ยวชาญที่สุดก็คือวิสัญญีแพทย์ โดยหลักการเข้าจะเลือกวิธีที่ดีที่สุดให้สำหรับคนไข้ ซึ่งตรงนี้ตนเองก็ยังไม่แน่ใจว่ามันเป็นช่องว่างของการสื่อสารหรือเปล่า

ส่วนในเรื่องที่คนไข้เสียชีวิตรายนี้เป็นการเสียชีวิตก่อนทำการผ่าตัด เพราะเท่าที่ได้รับรายงานมาว่าหลังจากทำการบล็อกหลังเรียบร้อยแล้วความดันคนไข้ก็ตกและหัวใจหยุดเต้น โดยที่ยังไม่มีการเริ่มผ่ากระดูกขาที่หักแต่อย่างใด ในส่วนของใบเซ็นยินยอม เรื่องของการรับเข้ารักษาของโรงพยาบาล รวมทั้งใบเซ็นยินยอมที่จะรับการผ่าตัดหรือว่าทำหัตถการอะไรในโรงพยาบาล ยืนยันว่าไม่มีในเรื่องของการปลอมลายเซ็นแต่อย่างใด และตัวผู้เสียชีวิตเองก็เป็นผู้ที่เซ็นยินยอมรับการรักษาในโรงพยาบาลรวมทั้งรับการผ่าตัดทั้งสองครั้งเอง โดยที่มีญาติก็คือคุณพ่อเซ็นเป็นพยานทั้งสองใบ

ล่าสุด บรรยากาศที่ศาลา 7 วัดบางบ่อ ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลศพ นายอดิศร หรือ ฮอล อายุ 22 ปี หลังจากเมื่อช่วงสายของวันนี้นายอดุลย์ อายุ 54 ปี ผู้เป็นบิดา ได้เดินทางไปรับศพนายอดิศร สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมาตั้งบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ที่ศาลา 7 วัดบางบ่อ สมุทรปราการ ซึ่งหลังพิธีรดน้ำศพ มารดาของนายอดิศรได้ให้ญาติพี่น้องหิ้วปีกพาตัวขึ้นไปบนศาลาเพื่อจะขอดูหน้าลูกชายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะใส่โลง ทันทีที่ถึงหน้าศพร่างของลูกชายที่มีการรดน้ำศพอยู่นั้น เจ้าตัวถึงกับช็อก เอ่ยปากเรียกลูกชายทั้งน้ำตาออกมาตลอดเวลา และมีอาการหน้าซีดตัวเหลืองคล้ายจะเป็นลม ทำให้นายอดุลย์ ผู้เป็นสามีต้องเข้ามาประคองและรีบนำตัวลงจากศาลามาปฐมพยาบาลกันจ้าละหวั่น

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถาม นายอดุลย์ ปมประเด็นเรื่องลายเซ็น หลังจากที่ทางด้าน สสจ.สมุทรปราการ ออกมาระบุข้อมูลจากโรงพยาบาลว่า มีพยาบาลยืนยันว่าพ่อเป็นคนเซ็นเอกสาร อีกทั้งทางด้าน ผอ.โรงพยาบาล ระบุว่าได้พูดคุยกับทางด้านคุณพ่อของนายอดิศรแล้ว ซึ่งเจ้าตัวถึงกับโกรธที่ถูกระบุว่ามีการพบเจอและพูดคุยกับทาง ผอ.โรงพยาบาล เจ้าตัวยืนยันว่ายังไม่ได้พบหน้าหรือพูดคุยกับทางโรงพยาบาลแต่อย่างใด

อีกทั้งวันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าตนเดินทางไปรับศพลูกชายมาถึงวัดก็บ่ายโมงกว่าแล้ว มีเพียงลูกสาวและญาติเท่านั้น ที่เข้าไปคุยกับทางโรงพยาบาล ส่วนการที่ออกมาระบุว่าตนมีการเซ็นในเอกสารนั้น ตนเองยืนยันว่าไม่ได้เซ็นในรอบสองของการผ่าตัดแต่อย่างใด พร้อมทั้งท้าให้นำตัวพยาบาลที่อ้างว่าเอาเอกสารมาให้ตนเซ็น หรือแม้แต่ตัว ผอ.โรงพยาบาล ที่อ้างว่ามีการเจอหน้าและพูดคุยกับตนเองแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงตนเองยืนยันไม่เคยเจอ จึงขอท้าให้ออกมาเจอหน้ากับตนและครอบครัว ซึ่งตนและครอบครัวยังคาใจและติดใจการตายของลูกชาย มั่นใจเกิดจากการบล็อกหลังให้ยาสลบ เพราะลูกชายเสียชีวิตก่อนการผ่าตัด โดยเข้าห้องผ่าตัดไม่ถึง 15 นาทีก็เสียชีวิต

ขณะที่ใบรับรองการตายของทางสถาบันนิติเวชที่ระบุเบื้องต้นว่า ขาดอากาศหายใจ จากน้ำท่วมช่องอก หลังจากนี้จะปรึกษากับทางญาติว่าจะเก็บศพน้องไว้ก่อนเพื่อรอความเป็นธรรมหรือไม่ เพราะการออกมาชี้แจงของทางโรงพยาบาลนั้นมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานในการรักษาคนไข้รายอื่นๆ อีกด้วย 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook