จับตา! ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน กลายเป็นทายาทการเมืองของประธานาธิบดีโจโกวีแห่งแดนอิเหนา

จับตา! ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน กลายเป็นทายาทการเมืองของประธานาธิบดีโจโกวีแห่งแดนอิเหนา

จับตา! ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน กลายเป็นทายาทการเมืองของประธานาธิบดีโจโกวีแห่งแดนอิเหนา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกประกอบเกาะกว่า 17,000 เกาะ มีเนื้อที่ 1,904,969 ตารางกิโลเมตร มีประชากรกว่า 267 ล้านคน จัดเป็นประเทศมุสลิมที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ศูนย์กลางของประเทศอินโดนีเซียอยู่ที่เกาะชวาที่มีพลเมืองมากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ คือ ประมาณ 150 ล้านคน อยู่ในเกาะที่มีเนื้อที่ 138,793 ตารางกิโลเมตร โดยมีเมืองหลวงชื่อกรุงจาการ์ตา

นายโจโก วิโดโด หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า “โจโกวี” เป็นประธานาธิบดีของประเทศอินโดนีเซียคนปัจจุบัน (คนที่ 7 ตั้งแต่สถาปนาประเทศอินโดนีเซียขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2492) โจโกวีเกิดเมื่อ พ.ศ. 2514 จากครอบครัวชนชั้นกลางโดยบิดาเป็นช่างและพ่อค้าเครื่องเฟอร์นิเจอร์ไม้ โจโกวีเรียนจบปริญญาตรีทางการป่าไม้ (วนศาสตร์) เขาเข้ารับรัฐการอยู่ 2 ปี ก็ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวด้านเฟอร์นิเจอร์โดยเน้นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้สักเป็นหลัก และประสบความสำเร็จจากการส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไม้สักไปขายในยุโรปซึ่งเขาได้เดินทางไปยุโรปบ่อยครั้ง ก่อนจะเข้ามาทำงานการเมืองในปี พ.ศ. 2548 เมื่อได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีเมืองสุราการ์ตาเมืองบ้านเกิดของเขาเองโดยเขาได้เป็นนายกเทศมนตรี 2 สมัยด้วยการทำงานแบบแหวกแนวจากนักการเมืองทั่วไปที่มักจะใช้วิธีการแบบผักชีโรยหน้า โดยการเปลี่ยนวิธีการลงพื้นที่จากการที่ท้องถิ่นนั้นๆ ต้องจัดพิธีการต้อนรับ และพบปะกับผู้นำชุมชนระดับสูงๆ ซึ่งก็จะรายงานแต่เรื่องดีๆ เพื่อเอาหน้า จนสุดท้ายนายกเทศมนตรีก็ไม่รู้ปัญหาในชุมชนที่แท้จริง ซึ่งโจโกวีจะลงพื้นที่พบปะชาวบ้านโดยไม่แจ้งล่วงหน้าและไปคุยกันคนท้องถิ่นโดยตรงเป็นรายคน เพื่อรับฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริง

จากทำงานอย่างจริงจังของโจโกวี ได้พลิกโฉมหน้าเมืองสุราการ์ตาซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในเกาะชวาตอนกลางให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และเป็นศูนย์กลางของการจัดการประชุมระดับนานาชาติ โดยสร้างศูนย์การประชุมขนาดมหึมา สร้างสวนสาธารณะ ตลาด และระบบขนส่งมวลชนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างงานและรายได้แก่คนท้องถิ่น โดยนำการพัฒนาเมืองในยุโรปมาเป็นต้นแบบ

หลังจาก 9 ปีกับงานพัฒนาเมืองสุราการ์ตาได้สำเร็จด้วยดีทำชื่อเสียงให้โจโกวีโด่งดัง จนทำให้เขาได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้ว่ารัฐการเมืองหลวงจาการ์ตาของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจาการ์ตาก็เหมือนเมืองหลวงของประเทศกำลังพัฒนาที่อื่นๆ ทั่วโลก ที่ความเจริญทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีมาพร้อมกับความเหลื่อมล้ำทางรายได้ ปัญหาเด็กขาดการศึกษา จนต้องหันหน้าไปประกอบอาชญากรรม ปัญหาชุมชนแออัดที่คนในพื้นที่เข้าไม่ถึงบริการทางการแพทย์ เรื่องเหล่านี้มาจากการคอร์รัปชันในวงราชการที่เป็นมะเร็งร้ายผลาญงบประมาณแผ่นดินไปให้ผู้มีอำนาจไม่กี่คนหาผลประโยชน์เข้าตัว

โจโกวีและทีมงานเดิมเข้ามาปฏิรูประบบรัฐการ สร้างระบบการสอบคัดคนใหม่ที่โปร่งใส และเปิดเผยคะแนนให้สาธารณะรับรู้เพื่อตัดปัญหาเส้นสาย เช่นเดียวกับการแสดงบัญชีทรัพย์สินของตัวเอง และคณะทำงานให้องค์กรอิสระตรวจสอบ และเอาข้อมูลงบประมาณของกรุงจาการ์ตาอัปโหลดขึ้นไปในระบบออนไลน์ให้คนเข้าถึงง่าย เมื่อลดปัญหาทุจริตลงได้ การจัดสรรปันส่วนงบประมาณต่างๆ ก็ไปถึงประชาชนมากขึ้นไปด้วย อาทิ การกลับมาก่อสร้างรถไฟใต้ดินอีกครั้ง และการออกบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ชาวจาการ์ตาทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ในราคาถูก และในสมัยที่สองอันเป็นสมัยสุดท้ายที่โจโกวีมีสิทธิที่จะดำรงตำแหน่งได้ตามรัฐธรรมนูญคือการย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตาบนเกาะชวาไปที่จังหวัดกาลิมันตันตะวันออกในเกาะบอร์เนียว ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก มีเนื้อที่ถึง 743,330 ตารางกิโลเมตร ซึ่งอินโดนีเซียเป็นเจ้าของร่วมกับประเทศมาเลเซียและประเทศบรูไน

เมืองหลวงใหม่จะตั้งอยู่บนที่ดินราว 1,250,000 ไร่ และคาดว่าจะใช้งบประมาณราว 466 ล้านล้านรูเปีย (1 ล้านล้านบาท) โจโกวีอ้างว่ากรุงจาการ์ตาไม่อาจแบกรับภาระศูนย์กลางการบริหาร ธุรกิจ การเงิน การค้าและบริการในอนาคตได้ อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าเนื้อที่ของกรุงจาการ์ตาประมาณ 1 ใน 3 จะจมทะเลในปี พ.ศ. 2593 นอกจากนี้กรุงจาการ์ตามีประชากรกว่า 10 ล้านคน แต่ถ้ารวมเมืองบริวาร มีประชากรถึง 30 ล้านคน และเผชิญปัญหาการจราจรแออัด มลภาวะที่ร้ายแรง เสี่ยงเกิดแผ่นดินไหว และน้ำท่วมอยู่เป็นนิจ

เนื่องจากรัฐธรรมนูญของอินโดนีเซียกำหนดให้ประธานาธิบดีจะอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัย หรือ 10 ปี ซึ่งประธานาธิบดีโจโกวีกำลังเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 จะต้องพ้นตำแหน่งในปี พ.ศ. 2567 แต่ปรากฏว่าลูกชายคนโตของโจโกวี คือ นายจิบราน รากาบูมิง รากา อายุ 33 ปี ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองสุราการ์ตาในเดือนธันวาคมปีนี้ ซึ่งแทบจะแน่นอนที่นายจิบรานคงจะชนะการเลือกตั้งได้เป็นนายกเทศมนตรีที่บิดาของเขาเริ่มต้นชีวิตทางการเมืองที่เมืองสุราการ์ตานี้เอง

ทั้งนี้ นายจิบรานเรียนจบด้านบริหารธุรกิจจากสิงคโปร์ เปิดบริษัทรับจัดเลี้ยงชื่อ ชิลลี ปารี ในเมืองสุราการ์ตา เมื่อ พ.ศ. 2553 เมื่อเมืองสุราการ์ตาเริ่มเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและศูนย์การจัดการประชุมนานาชาติ ก่อนขยับขยายมาเป็นบริการจัดงานแต่งงานแบบครบวงจร เจ้าตัวยืนยันว่าไม่เคยใช้ชื่อเสียงหรือตำแหน่งหน้าที่ของบิดามาหากิน ทั้งยังปฏิเสธทำธุรกิจกับทางการเมืองสุราการ์ตาในสมัยที่โจโกวีเป็นนายกเทศมนตรี

ความจริงโจโกวีตั้งใจจะให้จิบรานสืบทอดโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้สักส่งออกของครอบครัว แต่จิบรานปฏิเสธและยืนยันที่จะทำธุรกิจของตัวเองจนในที่สุดโจโกวีก็ออกมายอมรับว่าธุรกิจของจิบรานทำเงินได้มากกว่าธุรกิจผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้สักส่งออกของครอบครัวมาก

ครับ! ประธานาธิบดีโจโกวีมีลูกชาย คือ "จิบราน รากาบูมิง รากา" เป็นทายาททางการเมืองแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook