หลายประเทศสั่งห้ามเที่ยวบินจากอังกฤษ หลังพบ “โควิด-19” กลายพันธุ์ แพร่ระบาดเร็วกว่าเดิม 70%
หลายประเทศทั่วโลกได้สั่งห้ามเที่ยวบินจากสหราชอาณาจักร โดยหวังว่าจะสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ที่กำลังระบาดอยู่ในบริเวณทางใต้ของประเทศอังกฤษ ขณะที่นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็ได้ประกาศล็อกดาวน์บางพื้นที่ของประเทศ และสั่งห้ามประชาชนเดินทางออกนอกประเทศ เนื่องจากอังกฤษกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ที่สามารถแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายเดิมมากถึง 70%
เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศแรกที่ประกาศห้ามเที่ยวบินจากอังกฤษบินเข้าประเทศ ตามมาด้วยเบลเยียม ออสเตรีย และอิตาลี ขณะที่ทางการเยอรมนีเผยว่า ทุกเที่ยวบินของสหราชอาณาจักรจะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจอดในประเทศเยอรมนี โดยมีผลนับตั้งแต่เที่ยงคืน ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
รัฐบาลแทบทุกประเทศในยุโรปต่างระบุว่า มาตรการระงับการเดินทางจากสหราชอาณาจักรจะช่วยปกป้องประชาชนของตัวเองจากเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ ในส่วนขององค์การอนามัยโลก (WHO) ก็กำลังทำงานกับรัฐบาลอังกฤษอย่างใกล้ชิด เพื่อหาทางป้องกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ และตรวจสอบว่าวัคซีนจะต้านทานไวรัสชนิดนี้ได้หรือไม่
ทั้งนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่สั่งห้ามผู้เดินทางจากสหราชอาณาจักร เช่น แคนาดา อาร์เจนตินา ชิลี โคลอมเบีย ฝรั่งเศส ซาอุดิอาราเบีย ตุรกี และอิสราเอล เป็นต้น
ขณะนี้ รัฐบาลอังกฤษได้ขยับมาตรการป้องกันให้เข้มงวดมากขึ้น โดยอยู่ในระดับ 4 ส่งผลให้การเฉลิมแลองเทศกาลคริสต์มาสถูกยกเลิกไปด้วย ในการแถลงข่าวของนายบอริส จอห์นสัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เขาระบุว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าเดิมถึง 70%
เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่นี้ มีต้นกำเนิดในบริเวณทางใต้ของประเทศอังกฤษ และถูกตรวจพบในประเทศเดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ และออสเตรเลีย มาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ หัวหน้าแผนกโรคอุบัติใหม่ องค์การอนามัยโลกเผยว่า เชื้อไวรัสดังกล่าวแพร่ระบาดในอังกฤษตอนใต้ตั้งแต่เดือนกันยายน
การประกาศล็อกดาวน์ส่งผลให้ประชาชนชาวอังกฤษออกมาแสดงความไม่พอใจกับมาตรการของรัฐบาลในครั้งนี้ โดยให้เหตุผลว่า การสั่งห้ามไม่ให้เฉลิมฉลองคริสต์มาสเป็นสิ่งที่โหดร้าย