เอาเรื่องถึงที่สุด! ภรรยาผู้เสียชีวิตแจ้งความชายเมากร่างขวางรถพยาบาลแล้ว
ภรรยาผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชายเมากร่างขวางหน้ารถพยาบาล เข้าแจ้งความแล้ว ยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุด
จากกรณีชายคนหนึ่งขับรถปาดรถพยาบาลของโรงพยาบาลสมุทรปราการ เพราะสงสัยว่าเปิดสัญญาณฉุกเฉินวิ่งทำไม มีคนเจ็บอยู่บนรถจริงหรือไม่ ก่อนจะขับตามไปจริงถึงบ้านของผู้ป่วย ด้านเจ้าหน้าที่พยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิตผู้ป่วย แต่เป็นที่น่าเศร้าว่าผู้ป่วยรายนี้ได้เสียชีวิตลงหลังจากถึงโรงพยาบาลได้ไม่กี่นาที เหตุเกิดเวลา 23.00 น. คืนวานนี้ (21 ธ.ค.)
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงสายวันนี้ (22 ธ.ค.) นางณัฐฐินันท์ อายุ 46 ปี ภรรยาของนายประชา ผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยญาติพี่น้องได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ชัชวาล กุลกำลัง รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ทำการสอบสวนดำเนินคดีกับ นายสัมฤทธิ์ อายุ 38 ปี พนักงานโรงงานเอกชน ที่เป็นต้นเหตุทำให้รถพยาบาลมารับสามีตนช้า จนทำให้สามีเสียชีวิต โดยยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
นางณัฐฐินันท์ ได้เล่าเพียงสั้นๆ ว่า ก่อนเกิดเหตุในช่วงหัวค่ำของวานนี้ (21 ธ.ค.) หลังจากที่สามีตนเลิกงานมาก็มานั่งกินข้าวกัน ก่อนที่จะเข้าไปนอนจนกระทั่งเวลาเกือบ 4 ทุ่ม ตนสังเกตเห็นสามีนอนลักษณะคล้ายชักกระตุกเหมือนหายใจไม่ออก ตนจึงเข้าไปเรียก แต่สามีไม่ตื่น ตนจึงปั๊มหัวใจให้ ก่อนที่ญาติจะโทรขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่กู้ชีพ
จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่อาสามาช่วยปั๊มหัวใจและประสานรถของโรงพยาบาลสมุทรปราการ ให้มารับไปส่งโรงพยาบาลเนื่องจากสามีตนอยู่ในภาวะวิกฤต
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดให้ นางสาวสุเบญจา พยาบาลวิชาชีพ และบุคคลที่อยู่ภายในรถโรงพยาบาลคันที่เกิดเหตุเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม
ขณะที่ นายขัน อายุ 49 ปี พี่เขยของผู้เสียชีวิต ได้ออกมายืนยันว่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการในเรื่องของกฎหมายเพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่าง และอยากฝากเตือนในเรื่องของขับขี่รถ ถึงจะเมาหรือไม่เมา ทุกคนต้องมีสติ ถ้าไม่มีสติขับรถกลับมาไม่ได้ ต้องมีสติและความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่มาทำแบบนี้ สังคมเขาเดือดร้อน ทุกคนเขาเดือดร้อน เขามีครอบครัวเขามีลูกที่ต้องเลี้ยงดู ขาดเสาหลักไปก็ลำบาก
ทั้งนี้ อยากฝากคนที่ขับรถทุกคนเมื่อเห็นรถพยาบาลเปิดไฟไซเรนและเปิดเสียงขอทางช่วยกรุณาหลบให้ทางให้หน่อยชีวิตมีค่า สองสามนาทีก็มีค่า
ส่วนศพของ นายประชา ผู้เสียชีวิต ในวันนี้จะเดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลตำรวจ และจะนำกลับไปตั้งสวดพระอภิธรรมที่บ้านเกิดในจังหวัดเพชรบูรณ์ ส่วนจะสวดกี่วันนั้นต้องรอปรึกษากับญาติๆ ดูอีกที