เจ้าหน้าที่ยังมึน ไม่รู้ต้นตอสาวอยุธยากลับจากเชียงใหม่ ติดเชื้อโควิด-19 มาจากไหน

เจ้าหน้าที่ยังมึน ไม่รู้ต้นตอสาวอยุธยากลับจากเชียงใหม่ ติดเชื้อโควิด-19 มาจากไหน

เจ้าหน้าที่ยังมึน ไม่รู้ต้นตอสาวอยุธยากลับจากเชียงใหม่ ติดเชื้อโควิด-19 มาจากไหน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจ้าหน้าที่ตามหาต้นตอสาวอยุธยากลับจากเชียงใหม่ ป่วยโควิด-19 ทั้งที่เชียงใหม่และเชียงราย ยังไม่รู้ติดมาจากไหน

(23 ธ.ค.63) พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานติดตามการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จ.เชียงราย ได้เดินทางไปดูพื้นที่แนวชายแดนไทย-เมียนมา ทางบกด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ติดต่อกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เพื่อดูชายแดนบริเวณที่หญิงสาวผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 คนแรกจาก จ.เชียงใหม่ ใช้หลบหนีเข้าเมืองช่วงปลายเดือน พ.ย.2563 ที่ผ่านมา และยังมีคนอื่นๆ อย่างน้อย 12 ราย ที่ติดไวรัสโควิด-19 และหลบหนีเข้ามาในลักษณะเดียวกัน

รวมทั้งทางคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงใหม่ ต้องการไปสืบหาเส้นทางการเดินทางหรือไทม์ไลน์ของ หญิงสาวอายุ 29 ปี ซึ่งติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยตรวจพบเชื้อที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และมีประวัติไปทำงานที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ติดต่อกับ อ.แม่จัน จ.เชียงราย


เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสืบทราบได้ว่าหญิงสาวคนดังกล่าวได้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาจากที่ใด เพราะในพื้นที่ที่ทำงานยังไม่พบผู้ติดเชื้อเลย ซึ่งทางนายศุภชัยได้หารือกับฝ่ายทหารที่ตรวจสอบแนวชายแดน ทราบว่า อ.แม่อาย ติดต่อกับด้าน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และทาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเชื่อมต่อกับชายแดน อ.แม่สาย จึงตั้งข้อสันนิษฐานว่าหญิงสาวคนดังกล่าวอาจจะติดเชื้อมาจากผู้ที่ลักลอบเข้ามาทางชายแดน อ.แม่สาย เพราะปัจจุบันมีรถโดยสารประจำทางเมล์เขียวหรือกรีนบัสจาก อ.แม่สาย ไปยัง อ.ฝาง ช่วงเวลา 14.00 น.และ 15.00 น.

แต่จากการตรวจสอบกลับพบว่าในวันที่ 16 ธ.ค. ซึ่งหญิงสาวใช้บริการรถเพื่อจะไปยัง อ.ฝาง เพื่อจะกลับ จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่มีรถให้บริการในวันนั้นแต่อย่างใด โดยมีเพียงรถตู้ที่ให้บริการจาก อ.แม่สาย ไปยัง อ.เมืองเชียงราย เท่านั้น จึงสรุปได้ว่าไม่น่าจะติดมาจากผู้ที่ไปจาก อ.แม่สาย แต่อย่างใด

ด้าน พล.ท.อภิเชษฐ์ กล่าวว่าปัจจุบันบริเวณแนวชายแดนที่มีข่าวว่าผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากประเทศเพื่อนบ้านลักลอบเข้ามาได้นั้น ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่อย่างหนาแน่นจึงบอกว่าได้ ณ วันนี้คงไม่มีใครสามารถลักลอบผ่านพื้นที่ไปได้ ส่วนข่าวเรื่องการมีขบวนการนำพาคนข้ามไปมาต่างๆ นั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เช่นกัน เพราะมีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานทำงานอยู่ตั้งแต่ทางบกไปจนสิ้นสุดแม่น้ำโขงที่เป็นชายแดนไทย-สปป.ลาว

ทั้งนี้มาตรการคุมเข้มดังกล่าวมีมาตั้งแต่พบกรณีหญิงสาวชาว จ.เชียงใหม่ ติดเชื้อเป็นรายแรกดังกล่าวแล้ว และล่าสุดได้เพิ่มกำลังอีก 2 กองร้อยไปยังชายแดน อ.แม่สาย จึงยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ประกอบกับในปัจจุบันได้มีการประสานกับทางท้องถิ่นของประเทศเมียนมาในการส่งตัวคนไทยกลับมาทางช่องทางปกติ เพื่อรับเข้าสู่ด่านกักกันของรัฐ จึงสรุปได้ว่าชายแดนด้าน จ.เขียงใหม่ และ จ.เชียงราย สามารถป้องกันการหลุดลอดเข้ามาตามแนวชายแดนได้ 100%

รายงานข่าวแจ้งว่าวันเดียวกันมีรายงานว่าทางท้องถิ่น จ.ท่าขี้เหล็ก จะมีการส่งตัวคนไทยที่ตกค้างอยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก กลับมาจำนวน 22 คน ทั้งหมดจะถูกส่งตัวเข้าทางจุดผ่านแดนถาวร สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 อ.แม่สาย โดยในกลุ่มคนดังกล่าวมีชายอายุ 33 ปี ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาด้วยจำนวน 1 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้เตรียมความพร้อมในการตรวจหาเชื้อและนำตัวไปรักษารวมทั้งที่เหลือนำเข้าสู่สถานกักกันของรัฐหรือ State Quarantine แล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook