อนุทิน ชี้ จำกัดพื้นที่ระบาดของเชื้อได้แล้ว ส่วนที่ไปตามจังหวัดต่างๆ มี สสจ. คอยดูแล

อนุทิน ยังคุมพื้นที่เสี่ยง จำกัดวงโควิด-19 มอบผู้ว่าราชการจังหวัดประเมินสถานการณ์ล็อกดาวน์ ขอรอฟัง ศบค.เคาะมาตรการควบคุมช่วงปีใหม่

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 หรือ ศบค. จะมีการรายงานการประชุมแบ่งพื้นที่โซนสีในการจัดโรค ว่า จะต้องมีการรายงานสถานการณ์ให้ที่ประชุมรับทราบ ซึ่งก่อนการประชุม ศบค.ทุกครั้งจะมีการประชุมคณะทำงานอยู่แล้วในเรื่องข้อปฏิบัติต่างๆ โดยจะนำมารายงานให้ที่ประชุมทราบ 

ส่วนจะมีการเสนอให้ล็อกดาวน์แต่ละจังหวัดหรือไม่นั้น อนุทิน ระบุว่า จะใช้มาตรการตามพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยให้แต่ละจังหวัดทำการพิจารณาถึงความจำเป็นในแต่ละพื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการสั่งการต่างๆ ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอยู่แล้ว ซึ่งจะมีการประชุมหารือการตัดสินใจ โดยมีข้อมูลจากทางฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายสาธารณสุข เพื่อออกมาตรการที่ถูกต้องและเหมาะสม

อนุทิน ยังปฏิเสธ เรื่องการเดินทางข้ามจังหวัด โดยขอให้ให้รอผลการประชุม เนื่องจากตนดูในส่วนสาธารณสุข 

นอกจากนี้ ยังจากการประเมินสถานการณ์ความเสี่ยง ต้องดูในกลุ่มที่เสี่ยงสูงที่สุด ซึ่งได้ควบคุมตลาดกลางกุ้งที่ถือเป็นแหล่งแพร่ระบาดไว้หมดแล้ว โดยย้ำว่าการตรวจหาเชื้อเริ่มมีปริมาณที่ลดลงถือว่าถูกจำกัด ไปไหนมาไหนไม่ได้ จึงไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อ ส่วนที่กระจายออกไปยังจังหวัดอื่นๆ มีสาธารณสุขจังหวัด หรือ สสจ. รองรับอยู่แล้ว จะทำการสืบสวนสอบสวนโรค เหมือนที่สำเร็จในช่วงการแพร่ระบาดช่วงต้นปี 

ส่วนจะต้องตรวจแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ตลาดพื้นที่กรุงเทพมหานครทุกตลาดหรือไม่ อนุทิน ระบุว่า ทุกอย่างเป็นไปตามการสืบสวนสอบสวนโรค ต้องดูความเป็นไปได้ในการแพร่ระบาดออกไปขนาดไหน แต่ยืนยันว่ามีระบบดูแลอยู่แล้ว แต่หากตรวจทุกทิศทุกทางคงไม่ใช่

อนุทิน ยังกล่าวถึงเรื่องความคืบหน้าการผลิตวัคซีน ว่าขณะนี้ที่ทำอยู่ในประเทศไทยก็เป็นไปตามไทม์ไลน์ทุกอย่างและพยายามเร่งรัดให้เร็วที่สุด ตอนนี้ตนขอย้ำว่า ยังยืนยันไม่มีอะไรดีไปกว่าการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และล้างมือ เว้นระยะห่าง รวมไปถึงการสันทนาการ ควรมีการจัดระเบียบ อย่าไปอยู่ในที่คนพลุกพล่าน หรือคนจำนวนมาก ซึ่งจะมีมาตรการออกมาหลังการประชุม จึงก็ต้องขอความร่วมมือไปยังประชาชน