ไม่รอด! หนุ่มเมียนมาปลอมเป็นนักบินเข้าสุวรรณภูมิ สร้างภาพหลอกครอบครัว-แฟนสาว

ไม่รอด! หนุ่มเมียนมาปลอมเป็นนักบินเข้าสุวรรณภูมิ สร้างภาพหลอกครอบครัว-แฟนสาว

ไม่รอด! หนุ่มเมียนมาปลอมเป็นนักบินเข้าสุวรรณภูมิ สร้างภาพหลอกครอบครัว-แฟนสาว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลสั่งจำคุก 8 เดือน หนุ่มเมียนมาปลอมตัวเป็นนักบินเดินเข้าพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อสร้างภาพลักษณ์หลอกลวงครอบครัวและแฟนสาว

จากกรณีที่เฟซบุ๊กแฟนเพจบิ๊กเกรียน อินดี้ ได้โพสต์ภาพหนุ่มชาวเมียนมาปลอมตัวโดยแต่งกายเป็นนักบินสายการบินแห่งหนึ่ง เดินเข้า–ออกภายในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น

ล่าสุด วันนี้ (24 ธ.ค.) น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า ทสภ.ได้ร่วมกับ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามขั้นตอนทางกฎหมายแล้ว ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าผู้กระทำผิดรายนี้คือ Mr. YE MIN THU ซึ่งได้แต่งกายคล้ายนักบิน และได้พยายามใช้บัตรนักบินของสายการบินแห่งหนึ่ง เพื่อผ่านเข้าสู่พื้นที่สำหรับผู้โดยสารภายในประเทศ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา

แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทสภ. ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ ทั้งลักษณะการแต่งกายและบัตรประจำตัว จึงได้เข้าควบคุมเพื่อตรวจสอบข้อมูล พร้อมนำส่งตัวไปยัง สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีต่อไป

จากการสอบสวนและตรวจสอบภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือของ Mr.YE MIN THU คาดว่า มีมูลเหตุจูงใจการกระทำความผิด เพราะต้องการสร้างภาพลักษณ์ข้อมูลส่วนตัวว่าเป็นนักบิน เพื่อไปลวงครอบครัวและแฟนสาว

นอกจากนี้ ยังพบผู้กระทำความผิดมีประวัติการเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่อศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา โดยเคยศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชนไทยแห่งหนึ่ง แต่เรียนไม่จบ และพ้นจากสภาพนักศึกษาแล้ว

ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาในสถาบันการบินแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการเรียนทางออนไลน์ และตลอดเวลาที่อยู่ไทยพบว่าผู้กระทำความผิด มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง โดยพักอาศัยอยู่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านหัวหมาก

Facebook บิ๊กเกรียน อินดี้

น.ท.สุธีรวัฒน์ ยังระบุว่า Mr.YE MIN THU เป็นผู้พำนักอยู่ในประเทศไทยมาระยะหนึ่งแล้ว โดยมีการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยอยู่หลายครั้งในฐานะนักศึกษา ครั้งล่าสุดได้รับอนุญาตเป็นครั้งที่ 3 ให้อยู่ในไทยได้ระหว่างวันที่ 17 ก.พ.-23 เม.ย.2563 แต่ผู้กระทำความผิดไม่ได้ขออนุญาตพำนักในประเทศไทยต่ออย่างถูกกฎหมาย

ดังนั้น ทสภ.จึงได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาการอยู่ในประเทศเกินกว่าระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต (Overstay) ซึ่งจากการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย

ล่าสุด ศาลแขวงจังหวัดสมุทรปราการได้ตัดสินจำคุกผู้กระทำความผิด เป็นระยะเวลา 8 เดือน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook