เรือบรรทุกเครื่องบิน: สัญลักษณ์อวดแสนยานุภาพจีน ที่หวังไล่ตามสหรัฐในเร็ววัน
เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ธ.ค.ที่ ผ่านมานี้เรือพิฆาตติดขีปนาวุธของสหรัฐฯ ชื่อมัสทินได้แล่นผ่านช่องแคบไต้หวันนับเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ที่มีเรือรบสหรัฐแล่นผ่านช่องแคบไต้หวันเพื่อแสดงถึงความเปิดกว้างและเสรี ของทะเลจีนใต้ โดยกองทัพเรือสหรัฐจะแล่นเรือและปฏิบัติการต่อไปในทุกที่ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการไม่ยอมรับข้ออ้างของจีนที่ประกาศว่าทะเลจีนใต้เกือบ 90% เป็นของจีน
อีก 2 วันต่อมา เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ทางการไต้หวันรายงานว่า เรือบรรทุกเครื่องบิน "ซานตง" ของจีนและเรือคุ้มกันอีก 4 ลำได้แล่นผ่านช่องแคบไต้หวันจากทิศเหนือไปทางใต้เช่นกัน ทางการไต้หวันแถลงข่าวว่ากองทัพเรือและกองทัพอากาศไต้หวันได้ส่งเรือรบ 6 ลำ และเครื่องบินของกองทัพอากาศ 8 ลำไปตามคุมเชิงกลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบินซานตงของจีน ที่เคลื่อนผ่านช่องแคบไต้หวันเมื่อวันอาทิตย์ เพียงหนึ่งวันคล้อยหลังเรือรบของสหรัฐแล่นผ่านช่องแคบนี้
นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวที่ระบุว่า เรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิงของจีนก็มีแผนการแล่นรอบเกาะไต้หวัน เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อกองทัพเรือไต้หวัน และยังมีเครื่องบินจีนอีก 3 ลำที่เข้ามาในเขตน่านฟ้าไต้หวันโดยบินระดับต่ำสุดเพียง 900 เมตร รวมแล้วเดือนธ.ค.นี้กองทัพจีนก่อกวนไต้หวันถึง 19 วัน
ดังนั้นการที่เรือพิฆาตติดขีปนาวุธของสหรัฐชื่อ มัสทิน ได้แล่นผ่านช่องแคบไต้หวันก็เพื่อเป็นการเตือนจีนโดยตรงว่าสหรัฐพร้อมที่จะช่วยปกป้องอธิปไตยให้แก่ไต้หวัน
ว่าด้วยเรือบรรทุกเครื่องบินซึ่งถือเป็นเรือรบที่ออกแบบมาสำหรับใช้เป็นฐานทัพอากาศเคลื่อนที่ให้กับเครื่องบินรบ เรือบรรทุกเครื่องบินนั้นทำให้กองทัพเรือสามารถส่งกำลังทางอากาศออกไปได้ไกลยิ่งขึ้นโดยขึ้นอยู่กับที่มั่นของเรือบรรทุกเครื่องบิน ปัจจุบันมีเรือบรรทุกเครื่องบินพลังนิวเคลียร์ซึ่งสามารถเดินทางไปในมหาสมุทรได้นานนับปีและบรรทุกเครื่องบินรบได้หลายสิบลำ
เรือบรรทุกเครื่องบินถือเป็นเรือรบที่ทรงพลานุภาพที่สุดในบรรดาเรือรบทั้งหลายมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมาเนื่องจากเรือบรรทุกเครื่องบินสามารถที่จะส่งฝูงบินรบเข้าโจมตีข้าศึกได้ทั้งทางบกและทางทะเล โดยเฉพาะกองเรือรบของข้าศึกที่ปราศจากเครื่องบินรบคอยคุ้มกันเรือบรรทุกเครื่องบิน ทำเอาเรือประจัญบาน อันเป็นเรือรบหุ้มเกราะขนาดใหญ่ ที่มีอาวุธประจำเรือเป็นปืนใหญ่มีระยะยิงไกล ที่เคยเป็นเรือหลักต้องล้าสมัยและสูญพันธุ์ไป
การมีฝูงเรือบรรทุกเครื่องบินถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับประเทศใดๆ ก็ตาม ที่ต้องการครองความเป็นใหญ่ทางทะเลเรือหลักของกองเรือแทนที่เรือประจัญบาน เรือบรรทุกเครื่องบินแต่ละลำเป็นเรือที่มีราคาแพงอย่างมาก กล่าวกันว่าประเทศสหภาพโซเวียตล่มสลายลงมีสาเหตุสำคัญประการหนึ่งจากการที่ทางการสหภาพโซเวียตเร่งสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินเพื่อให้สามารถเที่ยบเคียงกับสหรัฐให้ได้จึงทำให้การคลังจองประเทศต้องล้มละลายนั่นเอง
ปัจจุบันนี้ทั่วโลกมีเรือบรรทุกเครื่องบินรบที่กำลังทำหน้าที่ 22 ลำโดยเป็นของกองทัพเรือสหรัฐ 11 ลำ ซึ่งใช้พลังงานนิวเคลียร์ทั้งหมดส่วนจีนมีเรือบรรทุกเครื่องบินรบเพียง 2 ลำเท่านั้นคือ
- เรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิงเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีน เรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง เดิมเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินของสหภาพโซเวียต ต่อขึ้นที่อู่ต่อเรือที่เมืองไมโคเลฟ ติดทะเลดำ ทางตอนใต้ของยูเครน ปล่อยลงน้ำเมื่อปี 2531 แต่การก่อสร้างเรือหยุดลงตั้งแต่ปี 2535 โดยยังไม่ได้ติดตั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากขาดงบประมาณ
เมื่อสหโซเวียตล่มสลายลง เรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ก็ตกเป็นของประเทศยูเครนและถูกจอดทิ้งไว้โดยไม่ได้บำรุงรักษา ถูกนำออกมาประมูลในปี 2541 ในฐานะเรือเปล่า ไม่มีเครื่องยนต์ หางเสือ และระบบควบคุม และประมูลได้ไปในราคา 20 ล้านดอลลาร์ โดยบริษัทท่องเที่ยวจากมาเก๊า ซึ่งระบุว่าจะนำเรือลำนี้ไปสร้างเป็นคาสิโนลอยน้ำที่ท่าเรือมาเก๊า เช่นเดียวกับเรือบรรทุกเครื่องบินลำอื่นๆ ของสหภาพโซเวียตที่เคยถูกบริษัทจีนประมูลไปเป็นสถานที่ท่องเที่ยว คือ เรือบรรทุกเครื่องบินเคียฟ ทอดสมออยู่ที่เทียนจิน และเรือบรรทุกเครื่องบินมินสก์ทอดสมออยู่ที่เมืองเซินเจิ้น
ปรากฎว่าทางการจีนนำเรือบรรทุกเครื่องบินที่เลหลังมาสร้างดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินให้ชื่อตามมณฑลเหลียวหนิงใช้เครื่องยนต์ไอน้ำ มีระวางขับน้ำ 67,500 ตัน มีความเร็วสูงสุด 59 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บรรทุกเครื่องบินรบได้ 40 ลำ มีระยะทำการในทะเล 45 วัน เข้าประจำการเมื่อปี555 - เรือบรรทุกเครื่องบินซานตง เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกที่ต่อในประทศจีนโดยใช้นักวิจัยและวิศวกรคนจีนทั้งหมดโดยพัฒนาและเลียนแบบจากเรือบรรทุกเครื่องบินของสหภาพโซเวียตนั่นเอง
เรือบรรทุกเครื่องบินซานตงใช้เครื่องยนต์ไอน้ำมีระวางขับน้ำ 70,000 ตันมีความเร็วสูงสุด 57 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บรรทุกเครื่องบินได้ 44 ลำมีระยะทำการในทะเลไล่เลี่ยกับเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิงเข้าประจำการเมื่อปี 2562
เรือบรรทุกเครื่องบินของจีนทั้ง 2 ลำนี้ใช้ระบบการส่งเครื่องบินขึ้นฟ้าด้วยการออกแบบลานบินเหมือนที่โดดสกีจึงมีลานบินที่สั้นและการลงจอดบนเครื่องบินต้องใช้ลวดช่วยในการลงจอดดังนั้นจึงใช้เครื่องบินรบที่มีน้ำหนักเบาเท่านั้น
เมื่อเทียบกับสหรัฐแล้วดูจีนยังห่างไกลมากเหลือเกินเนื่องจากสหรัฐมีเรือบรรทุกเครื่องบินประจำการ 11 ลำเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่ใช้เครื่องยนต์นิวเคลียร์ทั้งสิ้นสามารถมีระยะทำการได้ถึง 25 ปีในทะเลเลยทีเดียวโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน 10 ลำแต่ละลำมีระวางขับน้ำถึง 106,300 ตัน มีความเร็วสูงสุด 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บรรทุกเครืองบินได้ 90 ลำ
ส่วนเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐอีก 1 ลำของสหรัฐและกำลังสร้างเพิ่มขึ้นในแบบเดียวกันอีก 4 ลำ ทั้งหมดเป็นเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่ใช้เครื่องยนต์นิวเคลียร์ทั้งสิ้นสามารถมีระยะทำการในทะเลได้ถึง 50 ปี มีระวางขับน้ำ 100,000 ตัน มีความเร็วสูงสุด 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บรรทุกเครืองบินได้ 80 ลำ
บรรดาเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งหมดของสหรัฐที่ประจำการ 11 ลำล้วนแต่มีระบบการส่งขึ้นฟ้าด้วยการดีดส่งคือเอาเครื่องบินวิ่งไปบนรางกระสวยที่ขับเคลื่อนด้วยไอน้ำกำลังดันสูงเพื่อส่งเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้าส่วนการลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบินจะใช่วิธีปล่อยตะขอเกี่ยวที่บริเวณปลายหางของเครื่องบินเพื่อเกี่ยวกับลวดซึ่งขึงติดอยู่กับดาดฟ้าเพื่อนำเครื่องบินลงจอดซึ่งเป็นวิธีการที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน
ครับ! เมื่อเทียบกันแล้วจีนก็ยังล้าหลังห่างไกลจากสหรัฐอยู่หลายขุมแต่ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ ในโลกก็นับว่าจีนได้ก้าวหน้าขึ้นมาเทียบชั้นกับรัสเซีย อังกฤษและฝรั่งเศสแล้วในช่วงระยะเวลาเพียงทศวรรษที่สามารถสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินได้ถึง 2 ลำ