เตือนภัยร้านจักรยานสวนรถไฟ ลูกค้าแฉโดนล็อกคอจับทุ่ม ด่ากราดมาเช่ารถกูทำไม (คลิป)

เตือนภัยร้านจักรยานสวนรถไฟ ลูกค้าแฉโดนล็อกคอจับทุ่ม ด่ากราดมาเช่ารถกูทำไม (คลิป)

เตือนภัยร้านจักรยานสวนรถไฟ ลูกค้าแฉโดนล็อกคอจับทุ่ม ด่ากราดมาเช่ารถกูทำไม (คลิป)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Apiwat Naweerueangrat ได้โพสต์ข้อความ พร้อมภาพและคลิปเตือนภัย หลังได้เข้าไปใช้บริการเช่ารถจักรยานสวนรถไฟ แต่รถที่จอดไว้เกิดหายไป เจ้าของร้านบอกให้ไปตามหา หรือถ้าหารถไม่เจอก็ต้องเสียค่าปรับ 2,000 บาท หรือ ซื้อใหม่มาคืน หรือไม่ก็ให้รอรถมาคืนครบตอน 1 ทุ่ม 

แต่ในระหว่างนั้น เจ้าของโพสต์สังเกตว่ามีรถจักรยานคันหนึ่งในร้าน ตำหนิเหมือนกับคันที่ตนเช่าแล้วหายไป จึงพยายามทักท้วง แต่เจ้าของร้านกลับไม่สนใจ ก่อนจะเริ่มพูดจาหยาบคายและมีการทะเลาะวิวาท ถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายกัน โดยข้อความระบุว่า

"เมื่อวานเรากับเพื่อนเดินทางไปเที่ยวเล่นที่สวนรถไฟแล้วก็ได้เช่ารถจักรยานมาขับตามปกติ พอเข้าไปในสวนก็จะมีจุดถ่ายรูปทุ่งทานตะวัน ซึ่งเป็นจุดที่ไม่สามารถนำรถจักรยานเข้าพื้นที่ได้ รปภ. แนะนำให้จอดไว้ด้านนอก เราก็ทำตามคำแนะนำ พอถ่ายรูปเสร็จออกมาจักรยานหาย นี่ก็เลยรีบวิ่งไปหาเจ้าของร้าน 

พอไปถึงเจ้าของร้านก็บอกให้ไปขับตามหา หรือถ้าไม่มีก็ต้องเสียค่าปรับ 2,000 บาท หรือซื้อใหม่มาคืน หรือรอรถมาครบตอน 1 ทุ่ม ซึ่งตอนนั้นเพิ่ง 5 โมงเอง ก่อนที่เราจะไปขับตามหารถก็เหลือบไปเห็นรถคันนึงที่เหมือนกับรถของเรามากในเต็นท์เช่า และพอดีว่าเพื่อนเราถ่ายรูปด้านหลังของเรากับรถไว้พอดี (ตามรูปประกอบ) และท้ายรถก็มีตำหนิตามภาพที่เห็น ซึ่งก็ได้พยายามให้เจ้าของร้านมาดูแต่เค้ากลับไม่สนใจ และบอกว่าใครเค้าจะมาตรวจท้ายรถกัน คุณโมเมกันไปเอง แต่พนักงานในร้านก็เข้ามาช่วยดู 3 คน แล้วก็พยักหน้าบอกว่าคันนี้แหละ แต่เจ้าของร้านก็ไม่สนใจ 



จนเค้าเริ่มมีปากมีเสียงและเริ่มพูดจาหยาบคาย (มีหนึ่งประโยคที่สะเทือนใจแต่อัดไว้ไม่ทันจริง ๆ คือ "เนี่ยเป็นกะเทย ถ้าเป็นผู้ชายสันดานคงไม่เป็นแบบนี้หรอก") อันนี้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติแย่ ๆ ของคุณป้าท่านนี้ เราเลยบอกเค้าว่า จริง ๆ เราเป็นลูกค้าประจำที่นี่ มากับที่บ้านตั้งแต่เด็ก ไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ เค้าตอบกลับมาว่า "มึงเสือกมายืมรถกูทำไมล่ะ ถ้ารถกูอยู่ในร้านก็ไม่มีทางหาย"

เราเริ่มตกใจเลยโทร. หาผู้ใหญ่ เค้าเลยขอคุยกับเจ้าของร้านเพื่อไกล่เกลี่ย แต่เจ้าของร้านก็พูดจาเสียงดังโวยวายแล้วหาว่าเราเถียงตลอด ซึ่งเค้าพูดไม่ตรงกับเรื่องจริง และเราเห็นท่าทีไม่ค่อยจะดี เค้ายืนโวยวายทำท่าเหมือนจะปาโทรศัพท์ เราจึงยื่นมือเข้าไปจะเอาโทรศัพท์คืน อยู่ดี ๆ ก็มีคนล็อกคอจากด้านหลังแล้วทุ่มเราลงพื้นจนเข่าและมือเราถลอก แล้วเค้าชี้หน้าว่าอย่ามายุ่งกับแม่กูนะ แล้วท่าทีเหมือนจะซ้ำเราอีก แต่แม่เค้าห้ามเอาไว้ 

พอเรื่องถึงตำรวจเค้ากลับบอกตำรวจว่าทำเพื่อปกป้องแม่เฉย ๆ แต่ระหว่างที่ตำรวจมาเค้านั่งจ้องเราอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วพูดเหมือนขู่ตลอดและท้าทายให้แจ้งตำรวจ ส่วนตัวคุณป้าเจ้าของร้านก็พูดท้าทายบอกให้ขนตำรวจมากันทั้งโรงพักเลย เอาทนายมาด้วย เอาให้เป็นข่าวเลยนะ พอตำรวจมาถึงก็เริ่มเจรจา ทางฝั่งที่ร้านก็บอกว่าให้รอจนถึง 1 ทุ่มแล้วรถจะมาครบเอง แต่เจ้าของร้านก็ไล่เพื่อนเราให้ไปขับหารถจักรยานในสวนตอนที่มืดแล้ว แล้วบอกว่าทำหายเองก็ไปหาเอง สักพักรถก็ครบจริง ๆ

(แต่อันนี้อยากให้ตั้งข้อสังเกต เน้นว่าตั้งข้อสังเกต เพราะเราไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเรื่องเป็นยังไง เพราะเราพยายามขอดูกล้องแล้วเขาก็ไม่ให้ คือถ้ามีรถที่สลับไป 1 คัน ก็แสดงว่าจะต้องมีอีก 1 คันที่จอดเหลืออยู่ในสวน เพราะเราเดินกลับมาแต่ตอนสุดท้ายรถกลับครบทุกคัน) 

หลังจากนั้นตำรวจก็ได้ถามเราว่าจะเอาความมั้ย ถ้าเอาก็ไปที่โรงพัก แต่เราไม่ได้รับคำขอโทษใด ๆ ทั้งสิ้นจึงตัดสินใจเอาความ พอไปถึง สน. ตำรวจคนที่รับเรื่องก็ได้มาพูดเชิงว่าเรื่องเล็กน้อยให้เค้ามาขอโทษก็จบ ๆ ไป เราเลยถามย้อนเค้าว่าถ้าพี่โดนแบบนี้แล้วมีคนมาขอโทษพี่ พี่โอเคไหม เขาทำท่าทีไม่ค่อยพอใจ นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าตอนคุยกับเรา แต่สุดท้ายเราก็ได้แจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย

ป.ล.1 เราพลาดเองที่ไม่ได้ถ่ายหน้ารถเอาไว้ ซึ่งที่ร้านบอกแล้วและมีป้ายแปะอยู่

ป.ล.2 ระหว่างที่รอไป สน. คุณป้าได้พูดกับตำรวจว่าฉันรู้จักดีกับ สน.บางซื่อ แต่ก่อนเอาเหล้าไปให้เป็นคันรถ อันนี้เรียกว่าการติดสินบนหรือไม่อย่างไร

ป.ล.3 เนื่องจากเป็นช่วงปีใหม่และเทศกาลแห่งการให้ ในเมื่อป้าแกท้าทายอยากให้เรื่องใหญ่เราก็จะจัดให้แบบเบิ้ม ๆ #ร้านนี้ใหญ่สุดเลยน้า สุดท้ายขอฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ หลายคนอาจจะเจอเหตุการณ์แบบนี้อย่าไปยอมตั้งแต่ต้น หรือให้ถ่ายภาพรถเอาไว้เลย"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook