กรมป่าไม้แจ้งความเอาผิด แม่ธนาธร คดีรุกที่ป่าสงวน 450 ไร่ในราชบุรี

กรมป่าไม้เข้าแจ้งความเอาผิดต่อ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในข้อหาบุกรุกที่ป่าสงวนใน จ.ราชบุรี จำนวน 450 ไร่

วันนี้ (30 ธ.ค.) นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย นายชีวภาพ ชีวธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ เข้าแจ้งความต่อตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อแจ้งความเอาผิด นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า คดีรุกที่ป่าสงวนในพื้นที่ จ.ราชบุรี 450 ไร่ และแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

หลังจากกรมป่าไม้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจตรวจสอบพบว่าที่ดินที่นางสมพรครอบครองนั้น เป็นพื้นที่ป่าสงวนและเขตหวงห้าม มีการครอบครองโดยมิชอบ และพบว่ามีการทำผิดจริง

ด้าน นายชีวภาพ กล่าวว่า การดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ในการออกเอกสารสิทธิ์ทับเอกสาร นส.2 นั้น พนักงานที่ดินแจ้งว่า การซื้อขายเปลี่ยนมือทำไม่ได้ แต่ก็มีการพยายามเปลี่ยนเป็นโฉนด ซึ่งหลักฐานเหล่านี้สามารถยืนยันได้ถึงการกระทำความผิด ซึ่งการกระทำนี้กลุ่มที่ทำเอกสารเท็จขึ้นมาก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แม้ว่าเวลาจะผ่านมาตั้งแต่ปี 2521 ก็ต้องถูกดำเนินคดี

ในส่วนของคดีรุกพื้นที่ป่าของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี นั้น ขณะนี้ขั้นตอนการดำเนินการได้นำเอกสารส่งให้ ผบ.ตร.ลงนามส่งไปยังรัฐสภา เพื่อขอนำตัว น.ส.ปารีณา ส่งมอบต่ออัยการ จ.ราชบุรี ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเช่นเดียวกับคดีของ นายทวี ไกรคุปต์ บิดา น.ส.ปารีณา ก็พบว่ามีบางจุดในเอกสารสิทธิ์ที่ครอบครองโดยชอบธรรม เจ้าหน้าที่ก็จะตัดส่วนนี้ออกไม่ดำเนินการตามกฎหมาย แต่จุดที่ทับซ้อนก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ซึ่งทั้งสองคดีนี้จะมีความชัดเจนหลังปีใหม่ และขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง ซึ่งบันทึกขั้นตอนและหลักฐานต่างๆ สามารถตรวจสอบได้

ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกรมป่าไม้เตรียมแจ้งความดำเนินคดีนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า รุกป่าสงวนในพื้นที่ จ.ราชบุรี 450 ไร่ พร้อมเสนอเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก จำนวน 2,000 ไร่ ว่า ในการทำงานของกระทรวงทรัพยากรฯ เราไม่ดูที่ว่าเป็นใครหรือฝ่ายใด เราดูแค่ว่าทรัพย์สมบัติของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นป่าสงวนหรือป่าอนุรักษ์นั้นได้มีการบุกรุกหรือไม่ และถ้ามีการบุกรุกขึ้นมา กระทรวงในฐานะที่เป็นเจ้าทุกข์ก็จะมีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ซึ่งทุกคดีที่มีการร้องเรียนกระทรวงทรัพยากรฯ จะดำเนินคดีจนถึงที่สุด เราไม่ได้ประวิงเวลาหรือเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายใดทั้งนั้น เราดำเนินคดีตามกฎหมายและเป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ไม่มี 2 มาตรฐาน หรือเลือกที่รักมักที่ชังอย่างแน่นอน เราให้ความยุติธรรมและดำเนินคดีโดยไม่ได้ดูที่ตัวบุคคล