กทม.สั่งปิดสถานที่ 25 ประเภท หวังสกัดโควิดระบาดหนัก เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่พรุ่งนี้ (2 ม.ค.)

กทม.สั่งปิดสถานที่ 25 ประเภท หวังสกัดโควิดระบาดหนัก เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่พรุ่งนี้ (2 ม.ค.)

กทม.สั่งปิดสถานที่ 25 ประเภท หวังสกัดโควิดระบาดหนัก เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่พรุ่งนี้ (2 ม.ค.)
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้ว่าฯ อัศวิน ลงนามในประกาศปิดชั่วคราวสถานที่ 25 ประเภท เพื่อคุมเข้มป้องกันโควิดระบาดหนักขึ้น

วันนี้ (1 ม.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 21.35 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 15) โดยให้เริ่มมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป โดยมีเนื้อหาของประกาศดังนี้

ตามที่ได้มีการประกาศเรื่อง การขยายระยะวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 8) ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 โดยขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2564 และประกาศใช้ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 15) ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2563 และได้มีประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 14) ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2563 แล้ว นั้น

เนื่องจากยังพบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด-19) ระลอกใหม่ขึ้นในบางเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดดังกล่าวข้างต้น อันเป็นการปกป้องความมั่นคงปลอดภัยทางด้านการสาธารณสุขของประเทศ และป้องกันมิให้เกิดการระบาดเพิ่มขึ้นจนมิอาจควบคุมได้

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35 (1) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกอบกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 15) ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2563 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 จึงให้ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเป็นการชั่วคราว และกำหนดมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ดังต่อไปนี้

ปิดสถานที่

  1. สถานบริการ ผับ บาร์ สถานบันเทิง และสถานประกอบการใดที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายสถานบริการ
  2. สวนน้ำ สวนสนุก
  3. สนามเด็กเล่น เครื่องเล่นสำหรับเด็กในตลาด ตลาดน้ำ และตลาดนัด
  4. โต๊ะสนุกเกอร์ บิลเลียด
  5. สถานที่เล่นตู้เกม
  6. ร้านเกม และร้านอินเทอร์เน็ต
  7. สนามชนไก่ และสนามซ้อมชนไก่
  8. สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือสถานดูแลผู้สูงอายุ (ยกเว้นที่มีการรับตัวไว้พักค้างคืนเป็นปกติธุระ)
  9. สนามมวย
  10. โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ (ยิม)
  11. สนามม้า
  12. สถานประกอบกิจการอาบน้ำ
  13. สถานประกอบกิจการอาบอบนวด
  14. สนามแข่งขันทุกประเภท
  15. สถานที่ให้บริการห้องจัดเลี้ยง สถานที่จัดเลี้ยง รวมถึงสถานที่อื่นใดที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน
  16. สนามชนโค สนามกัดปลา หรือสนามแข่งขันอื่นในลักษณะทำนองเดียวกัน
  17. สนามพระเครื่อง ศูนย์พระเครื่อง
  18. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน
  19. สถานเสริมความงาม (ไม่ได้รับอนุญาตเป็นคลินิกเวชกรรม) สถานที่สักหรือเจาะผิวหนังหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
  20. สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส
  21. สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา และสถานประกอบการนวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า
  22. สนามฝึกซ้อมมวย โรงยิม หรือค่ายมวย
  23. สถานที่เล่นโบว์ลิ่ง สเก็ต หรือโรลเลอร์เบลด หรือการละเล่นอื่นๆ ในทำนองเดียวกัน
  24. สถาบันลีลาศ หรือสอนลีลาศ
  25. อาคารสถานที่ของโรงเรียน สถาบันกวดวิชา และสถาบันการศึกษาทุกประเภท โดยห้ามใช้เพื่อจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำกิจกรรมใดๆ ที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก เว้นแต่เป็นการดำเนินการสื่อสารแบบทางไกลหรือด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนี้ ยังมีการประกาศให้สถานที่ 19 ประเภท ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด ได้แก่

  1. ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม ร้านสะดวกซื้อ รถเข็น หาบเร่ แผงลอย ภัตตาคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร ซึ่งไม่รวมถึงสถานบริการ ผับ บาร์ ห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในสถานที่ดังกล่าว
  2. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์
  3. ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ
  4. ห้องประชุมในโรงแรมหรือศูนย์ประชุม
  5. ร้านค้าปลีก/ค้าส่งขนาดย่อม ร้านค้าปลีก/ค้าส่งชุมชน ตลาด ตลาดน้ำ และตลาดนัด
  6. ร้านค้าปลีก/ค้าส่ง หรือตลาดค้าส่งขนาดใหญ่
  7. ร้านเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผมสำหรับบุรุษหรือสตรี ให้เปิดดำเนินการโดยจำกัดเวลาการให้บริการในร้านไม่เกินรายละ 2 ชั่วโมง และต้องไม่มีผู้นั่งรอในร้าน
  8. สถานรับเลี้ยงเด็กหรือสถานดูแลผู้สูงอายุ (เฉพาะที่มีการรับตัวไว้พักค้างคืนเป็นปกติธุระ)
  9. คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม ร้านทำเล็บ
  10. สนามกอล์ฟ และสนามฝึกซ้อมกอล์ฟ
  11. สนามกีฬา
  12. สวนสาธารณะ ลาน - พื้นที่กิจกรรมสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬา ลานกีฬา
  13. สถานที่ให้บริการดูแลรักษาสัตว์ สปา อาบน้ำ ตัดขน รับเลี้ยงหรือรับฝากสัตว์
  14. สถานที่หรือสนามออกกำลังกายในร่ม
  15. สระว่ายน้ำสาธารณะทั้งกลางแจ้งและในร่ม
  16. สวนพฤกษศาสตร์ สวนดอกไม้ พิพิธภัณฑ์ ศูนย์การเรียนรู้ แหล่งประวัติศาสตร์ โบราณสถาน ห้องสมุดสาธารณะ และหอศิลป์
  17. สระน้ำเพื่อการเล่นกีฬาหรือกิจกรรมทางน้ำในบึง
  18. โรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงมหรสพ
  19. สวนสัตว์ หรือสถานที่จัดแสดงสัตว์

ทั้งนี้ สถานที่อื่นนอกเหนือจากนี้ ให้ผู้เกี่ยวข้องจัดให้มีมาตรการป้องกันโรค อาทิ ตรวจวัดอุณหภูมิ ให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ฯลฯ

ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวข้างต้น อาจมีความผิดตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

อย่างไรก็ตาม กทม.เน้นย้ำในประกาศดังกล่าวว่า ขอความร่วมมือให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผัา เมื่อออกจากที่พักอาศัย

โดยประกาศฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 2 ม.ค. 64 (ตั้งแต่ 00.00 น. เป็นต้นไป) จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ยกเว้นการปิดสถานที่ในกลุ่มโรงเรียน สถาบันกวดวิชา ให้มีผลถึงวันที่ 17 ม.ค. 64

อัลบั้มภาพ 18 ภาพ

อัลบั้มภาพ 18 ภาพ ของ กทม.สั่งปิดสถานที่ 25 ประเภท หวังสกัดโควิดระบาดหนัก เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่พรุ่งนี้ (2 ม.ค.)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook