คิมจองอึนเขียนจดหมาย ขอบคุณปชช. ที่ยังเชื่อมั่น ขอโทษที่ยังพัฒนาเศรษฐกิจไม่สำเร็จ
สื่อทางการเกาหลีเหนือ เผยจดหมายเปิดผนึกของ "คิมจองอึน" ผู้นำสูงสุด ที่เขียนถึงประชาชนเนื่องในเทศกาลปีใหม่โดยจดหมายมีเนื้อหาขอบคุณชาวเกาหลีเหนือที่ยังคงเชื่อมั่นในตัวเขา และให้การสนับสนุนพรรคแรงงานแม้เผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากจากปีที่ผ่านมา
ข้อความจากผู้นำเกาหลีเหนือถูกเปิดเผยหลังกรุงเปียงยางจัดการแสดงเต้นรำ และจุดพลุเฉลิมฉลองการเข้าสู่ศักราชใหม่ที่จตุรัสคิมอิลซุงกลางเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งแม้ทั่วโลกจะเผชิญการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เกาหลีเหนือยืนยันว่ายังไม่พบการระบาดในประเทศ
เนื้อหาตอนหนึ่งในจดหมายจากผู้นำเกาหลีเหนือระบุว่า "ในปีใหม่นี้รัฐบาลจะทำงานอย่างหนัก เพื่อนำอุดมการณ์และความปรารถนาจากปีก่อนหน้าให้เป็นจริง"
"ผมขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจในตัวผม และสนับสนุนพรรคแรงงานของเราอย่างสม่ำเสมอแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากจากไวรัส และโดยเฉพาะความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการคว่ำบาตรของนานาชาติ"
ผู้นำเกาหลีเหนือได้ออกมาขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถรักษาสัญญาในการบรรลุเป้าหมายพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้ เนื่องจากผลของมาตรการคว่ำบาตร ประกอบกับมาตรการคุมเข้มเพื่อป้องกันโควิด-19 ที่แม้เกาหลีเหนืออ้างว่ายังไม่พบการระบาดในประเทศ แต่ก็ได้ใช้มาตรการควบคุมทางสังคมอย่างเข้มงวด
นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2538 ที่ผู้นำเกาหลีเหนือใช้วิธีเขียนจดหมายเปิดผนึกอวยพรปีใหม่ให้กับพลเมืองในประเทศ จากก่อนหน้านี้ที่ผู้นำเกาหลีเหนือ มักกล่าวสุนทรพจน์ปีใหม่ผ่านสถานีโทรทัศน์
นอกจากนี้ วันส่งท้ายปีเก่าที่ผ่านมา คิมจองอึนได้เดินทางไปเยี่ยมสุสานของครอบครัวคิม ชานกรุงเปียงยางเพื่อแสดงความเคารพต่อคิมอิลซุง ผู้เป็นปู่ กับคิมจองอิล บิดาผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นอดีตผู้นำเกาหลีเหนือ พร้อมกับบุคคลสำคัญระดับสูงในรัฐบาลเปียงยาง
ทั้งนี้ช่วงต้นเดือน ม.ค. เกาหลีเหนือ เตรียมจัดประชุมใหญ่พรรคแรงงานครั้งที่ 8 ซึ่งเป็นการจัดประชุมครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2559 โดยคาดว่าประเด็นที่จะมีการหารือคือแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับใหม่ รวมถึงท่าทีทางการเมืองของเกาหลีเหนือ โดยการประชุมดังกล่าวคาดว่าจะมีขึ้นก่อนที่โจ ไบเดน จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 20 ม.ค. นี้
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือ กับสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แม้ผู้นำทั้งสองเคยพบปะหารือถึงสองครั้ง แต่ช่วงที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของสองชาติเป็นอันต้องสะดุดลงเนื่องจากไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันในประเด็นอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีได้ ประกอบกับกลุ่มเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้ที่ส่งบอลลูนข้ามเขตแดนไปยังเกาหลีเหนือ ซึ่งรัฐบาลเปียงยางมองว่าเป็นการยั่วยุ ส่งผลให้เกาหลีเหนือระเบิดศูนย์ความร่วมมือสองเกาหลีในเขตนิคมอุตสาหกรรมแกซองทิ้ง ยิ่งทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง