สุดสลด หนุ่มนักเรียนนอกฆ่าย่าแท้ๆ ชิงปืนออกจากบ้าน ก่อนไล่แทง-ยิงคนเจ็บ 2 ราย

สุดสลด หนุ่มนักเรียนนอกฆ่าย่าแท้ๆ ชิงปืนออกจากบ้าน ก่อนไล่แทง-ยิงคนเจ็บ 2 ราย

สุดสลด หนุ่มนักเรียนนอกฆ่าย่าแท้ๆ ชิงปืนออกจากบ้าน ก่อนไล่แทง-ยิงคนเจ็บ 2 ราย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 2 มกราคม 2564 ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุคนร้ายเป็นชาย ใช้อาวุธมีดแทงพนักงานนวด ร้านนวดแผนโบราณแห่งหนึ่ง ในซอยโนนพิบูลย์ เทศบาลนครอุดรธานี มีพนักงานนวดหญิงได้รับบาดเจ็บ โดยคนร้ายมีอาวุธปืน ได้ยิงปืนที่บริเวณหน้าร้าน 2 นัด และขี่รถ จยย.ฮอนด้า สกูปปี้ สีฟ้า หลบหนี หลังรับแจ้ง ร.ต.อ.ศักดา บุญก้อน รอง สว.สอบสวน จึงรายงานผู้บังคับบัญชา และออกไปสอบสวนเหตุ พร้อมตำรวจสายตรวจ 191 ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และอาสากู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรม

ใกล้ที่เกิดเหตุหน้าร้านสะดวกซื้อ ห่างจากร้านนวดประมาณ 50 เมตร พบ น.ส.เอ นามสมมุติ อายุ 24 ปี หมอนวดแผนโบราณ ชาว อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ที่หลังจากถูกแทง วิ่งหลบหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี โดยเจ้าตัวถูกคนร้ายใช้มีดแทงที่บริเวณหลังและไหล่ 4 แห่ง เจ้าหน้าที่รีบปฐมพยาบาลทำแผล และนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี

ต่อมาประมาณ 10 นาที ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ รปภ.และพนักงานประจำรถกู้ชีพโรงพยาบาลนอร์ทอีสเทิร์นวัฒนา ถ.ศุภกิจจรรยา เทศบาลนครอุดรธานี ว่าได้ควบคุมตัวคนร้าย พร้อมอาวุธปืน ที่เข้ามาก่อเหตุยิง น.ส.ออย อายุ 24 ปี ผู้ช่วยพยาบาล ชาว อ.นาแก จ.นครพนม ที่กำลังทำหน้าที่ตรวจคัดกรองคนไข้ที่มารักษาที่โรงพยาบาล ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่บริเวณประตูทางเข้าห้องฉุกเฉิน โดยคนร้ายยิง น.ส.ออย เข้าที่ไหล่ด้านขวาได้รับบาดเจ็บ กระสุนฝังใน โดยทางโรงพยาบาล ได้นำตัว น.ส.ออย ทำการรักษาตัวทันที

นายพรรคพล ทองศรี พนักงานประจำรถกู้ชีพ โรงพยาบาลนอร์ทอีสเทิร์นวัฒนา เล่าว่า ในขณะปฏิบัติหน้าที่ได้มีชาย ขี่รถจยย.มาจอด ก่อนชักอาวุธปืนออกมายิงผู้ช่วยพยาบาล จำนวน 1 นัด แล้วตนเข้าไปปล้ำสู้กับคนร้าย แล้วพี่อีกคนก็ช่วยเข้าจับคนร้ายเอาไว้ด้วย ในตอนนั้นตนคิดอย่างเดียวว่าไม่ให้คนร้ายยิงใครเพิ่มอีก โชคดีน้องผู้หญิงที่ถูกยิงไม่โดนจุดสำคัญ

หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปควบคุมตัวคนร้าย ทราบชื่อว่า คือ นายกิต (นามสมมติ) อายุ 22 ปี พร้อมอาวุธปืน ออโตเมติก ยี่ห้อโคลท์ ขนาด 11 มม. พร้อมมีดพับยาวประมาณ 6 นิ้ว และเป็นคนร้ายคนเดียวกับที่ก่อเหตุแทง น.ส.เอ พนักงานนวด ที่ร้านนวดห่างจากโรงพยาบาลประมาณ 800 เมตร เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปที่บ้านพัก ที่ห่างจากโรงพยาบาลนอร์ทอีสเทิร์นวัฒนา ประมาณ 200 เมตร เพื่อหาของกลางเพิ่มเติม

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายกิตมาที่บ้าน แล้วก็ต้องตกใจ เพราะในห้องนอนยังพบศพ นางอนงค์ อายุ 66 ปี ย่าแท้ๆ ของนายกิต นอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอน จึงได้ประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน มาตรวจสอบ พบว่า นางอนงค์ เสียชีวิต สภาพศพสวมเสื้อหนาวสีส้ม กางเกงกีฬาสีดำ ถูกอาวุธมีดปาดลำคอหลอดลมขาด และถูกแทงที่บริเวณลำตัวอีกกว่า 10 แผล เสียชีวิตประมาณ 5 ชั่วโมง

จากการตรวจค้นในบ้าน และห้องนอนของ นายกิต พบกล่องกระสุนขนาด 11 มม.ที่มีกระสุนปืน 50 นัด ยารักษาโรคทางจิตประสาทจำนวนมาก ภายในห้องนอนที่ระบุชื่อของ นายกิต ที่เป็นคนร้ายไว้อย่างชัดเจน และเพิ่งไปรับยามาล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ขณะที่มีเพื่อนของ นางอนงค์ และเพื่อนบ้านทราบข่าว ได้พากันเดินทางมา และติดต่อ นายขจรศักดิ์ อายุ 73 ปี สามีผู้ตาย ที่เป็นปู่แท้ๆ ของคนร้าย ที่ออกไปนอกบ้านตั้งแต่เช้าให้รีบกลับมา

โดย นายกิต รับสารภาพด้วยความสับสนว่า เป็นผู้ที่ก่อเหตุฆ่า นางอนงค์ ที่เป็นย่าแท้ๆ ของตัวเอง เริ่มจากได้ไปบอกย่าว่า อยากได้ปืนที่ย่าเก็บไว้ในตู้เซฟ เอาออกมาขอถ่ายรูปปืน ซึ่งตนอยากได้ปืนมายิงหัวตัวเอง เพราะอยากตาย เพราะว่ามีคนมายุ่งเรื่องส่วนตัว มาแฮกโทรศัพท์ของตน โดยตนไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่คนข้างบ้านและทุกคนเขารู้หมด ตนอยากตาย แต่ไม่ได้อยากจะทำกับย่าแบบนี้ ตนฝืนตัวเองเพื่อทำกับย่า และก็อยากได้ปืนแค่นั้น และตนก็ป่วยเป็นโรคจิตเวช และก็เคยถูกรถชน และก็เป็นอีกหลายอย่าง ซึ่งที่บ้านนี้ตนอยู่กับปู่ ย่า รวมกัน 3 คน

พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า ตรวจสอบในบ้านพบยารักษาโรคจิตเวช จากโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 ที่เป็นชื่อของ นายกิต ประมาณ 5 รายการ และจากการสอบสวนเบื้องต้น นายกิตเองก็บอกว่าไม่ได้กินยา และทางแพทย์เวร ได้ตรวจสอบคิวอาร์โค้ดของยาที่ได้มา ทราบว่าเป็นยารักษาอาการกลุ่มผู้ป่วยจิตเวชจริง แต่ทั้งนี้ทางตำรวจจะควบคุมตัวส่งไปตรวจทางจิตเวชอีกครั้ง ว่าขณะก่อเหตุเขามีความรู้สึกรับผิดชอบชั่วดีแต่ไหน เพราะเหตุที่เกิดเป็นการฆ่าคนตายโดยเจตนา

“ส่วนการควบคุมตัวคงต้องแยกขัง เพราะอาจเกิดอาการคลุ้มคลั่ง และคงต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะตัวเขาเองบอกว่าอยากจะฆ่าตัวตาย ที่เป็นสาเหตุที่อยากได้อาวุธปืนมา และผู้ตายที่เป็นย่ารู้ที่ซ่อนของอาวุธปืน จึงต้องการเค้นเอาปืนจากผู้เป็นย่า จนกระทั่งมาเกิดเป็นเหตุสลดในดังกล่าว ซึ่งปืนกระบอกนี้ต้องไปตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นปืนของใคร”

ต่อมา นายขจรศักดิ์ อายุ 73 ปี ปู่แท้ๆ ของ นายกิต ได้เดินทางกลับมาบ้าน ได้ให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นายกิตเป็นหลานแท้ๆ เป็นลูกของลูกชาย ที่ตนและภรรยาเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ต่อมาพ่อแม่ของนายกิต ไปทำงานที่ประเทศอังกฤษ แล้วพานายกิตไปเรียนที่นั่น จนประมาณ 3 เดือนที่แล้ว นายกิตกลับมาเมืองไทยเพื่อรักษาตัว และยังไม่สามารถกลับไปได้ เพราะติดสถานการณ์โรคโควิด-19 ก่อนหน้านี้หลานก็ไม่เคยมีความก้าวร้าว ส่วนยารักษาของหลาน ย่าเขาก็จะเป็นคนเอาให้กินทุกวัน

นายขจรศักดิ์ เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ตนออกไปข้างนอกไปตกปลา สำหรับนิสัยส่วนตัวของหลานตนก็ไม่รู้มากนัก เพราะก่อนหน้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน หลานอยู่ที่อังกฤษ และกลับมาเมืองไทยเพื่อรักษาตัวได้ประมาณ 3 เดือน ที่ป่วยเป็นโรคทางจิต เมื่อมาอยู่บ้านหลานก็มีอาการปกติ สั่งอาหารมากินได้เอง และก็ชอบหยอกเล่นกับย่า ส่วนปืนเป็นปืนของตนที่ซื้อมาเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ที่มีทะเบียนถูกต้อง โดยให้ย่าเขาเป็นคนเก็บเอาไว้ แล้วตนก็ไม่รู้ว่าเขาเอาไปเก็บที่ไหน เมื่อมาเกิดเหตุขึ้น คิดว่ามันไม่น่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ ล่าสุดได้เจอหน้านายกิต เขาก็ไม่พูดอะไร อยากจะถามหลานว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เขาก็ไม่มีอาการอะไร หรือมีลางอะไรมาก่อน

จากนั้นทางตำรวจควบคุมตัว นายกิต ไป สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อสอบปากตำเบื้องต้น และส่งตัวไปโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพื่อตรวจสภาพจิตใจ แต่เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนและอาวุธมีดไปในทางสาธารณะ หรือหมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร ทำร้ายร่างกายผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook