สมาคมภัตตาคาร ส่งจดหมายถึงนายกฯ หวั่น "ห้ามกินในร้าน" ทำลายเศรษฐกิจ
นายกสมาคมภัตตาคารไทย ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง 'นายกรัฐมนตรี' หวั่น กทม.สั่งกึ่งล็อกดาวน์กระทบยอดขาย แจงยิบทำลายห่วงโซ่ระบบเศรษฐกิจ
ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงผลกระทบจากแนวคิดกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 ที่อาจมีคำสั่งไม่ให้นั่งรับประทานที่ร้านอาหาร
โดยระบุว่า จากประกาศของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 ว่าอาจมีมาตรการห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหาร โดยจะต้องซื้อกลับเท่านั้นทางสมาคมขอเรียนชี้แจงให้เข้าใจ เพื่อยกเลิกมาตราการและคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากร้านอาหารเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งมีมูลค่าธุรกิจ 4 แสนล้านบาทต่อปี จากประกาศดังกล่าวจะทำให้มูลค่าธุรกิจร้านอาหารไทยหายไปไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านและจะทำให้มีผลกระทบเป็นห่วงลูกโซ่ ดังนี้
1.อัตราการจ้างงานซึ่งจะทำให้พนักงานตกงานทันทีเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจากการกลับมาเปิดธุรกิจร้านอาหารได้มีการว่าจ้างแรงงานกลับเข้าระบบได้เป็นจำนวนมากแต่จากประกาศวันที่1มกราคม 2564 จะมีผลกระทบต่อการจ้างงานอีกครั้ง
2.ผลกระทบกับสินค้าภาคการเกษตรกร ซึ่งร้านอาหารต้องใช้วัตถุดิบจากภาคเกษตรกรจำนวนมหาศาลซึ่งจะต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งจากคำสั่งวันที่1 มกราคม 2564 จะมีผลทำให้รายได้ของภาคเกษตรกรลดลงเช่นกัน
3.จะมีผลกระทบเรื่องการจัดเก็บภาษี,vatและเงินประกันสังคมของภาครัฐบาลที่หายไปอีกครั้ง
ซึ่งธุรกิจร้านอาหารทั้งในส่วนภัตตาคารและร้านอาหารขนาดเล็กรวมไปถึงร้านอาหารตามริมข้างทางได้ปฎิบัติตามมาตราการป้องกันCOVID-19 จากคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขด้วยความเคร่งครัดมาโดยตลอด
รวมไปถึงร้านอาหารขนาดใหญ่และขนาดกลางได้เข้าร่วมอบรมและเรียนรู้จนได้สัญลักษณ์ SHA เกิน 80% และผู้ประกอบการเกือบทั้งหมดยังตระหนักถึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานที่ปฎิบัติงานในร้าน ด้วยการเพิ่มมาตราการเสริมเข้าไปมากขึ้นกว่าคำสั่งของสาธารณสุขด้วย เช่น
- จัดให้มีการเช็คอินก่อนเข้ารับบริการที่ร้านด้วยแอปพลิเคชันไทยชนะ
- ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทั้งพนักงานและลูกค้าก่อนเข้าร้าน
- ทำความสะอาดโต๊ะเก้าอี้ด้วยแอลกอฮอล์ ทุกครั้งเมื่อมีลูกค้าใช้เสร็จ
- แจกแอลกอฮอล์ล้างมือทุกครั้งเมื่อมาใหม่
- จัดให้พนักงานทั้งส่วนหน้า,ส่วนหลัง และในครัวมีการใส่ถุงมือยางและผ้าปิดปากตลอดเวลาที่มีการปฎิบัติงาน
- มีการถูพื้นด้วยน้ำยากำจัดเชื้อโรค ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง
- จัดตารางทำความสะอาดห้องน้ำและถูพื้นด้วยน้ำยากำจัดเชื้อโรค ทุกๆ 2 ชั่วโมง
- ร้านที่มีประตู ให้เช็ดมือจับด้วยแอลกอฮอล์ ทุกครั้งที่มีการสัมผัส
- แจกช้อนกลางส่วนตัวให้ลูกค้าเพื่อลดการสัมผัสภาชนะร่วมกัน
- ร้านอาหารที่มีเครื่องปรับอากาศ ทางร้านจะทำความสะอาดทุกๆ4ชั่วโมง
ซึ่งจากการปฎิบัติตามมาตราการที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดมีผลสะท้อนให้เห็นว่า การระบาดCOVID-19 รอบสองในครั้งนี้ไม่ได้มีมูลเหตุหรือต้นตอมาจากร้านอาหารเลย แต่แท้จริงการระบาดรอบสองมาจากกลุ่มธุรกิจที่ผิดกฎหมายทั้งหมดเพราะไม่การปฎิบัติตามมาตราการ
ทางสมาคมภัตตาคารไทยจึงใคร่ขอความกรุณานายกรัฐมนตรี และคณะ ศบค. ใด้ช่วยพิจารณาไม่ออกมาตรการห้ามรับประทานอาหารในร้านอาหาร ดังที่แถลงข่าวไว้ในวันที่ 1 มกราคม 2564 โดยให้ร้านอาหารสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติดังเดิม