ร้านทองเมืองชายแดนสุดคึกคักพม่าแห่ขาย

ร้านทองเมืองชายแดนสุดคึกคักพม่าแห่ขาย

ร้านทองเมืองชายแดนสุดคึกคักพม่าแห่ขาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ราคาทองคำโลกพุ่งทำสถิติใหม่ 1,045 ดอลล์ต่อออนซ์ ดันราคาในไทยพุ่งบาทละ 16,350 บาท เพิ่มรวดเดียว 300 บาท เหตุกองทุนและนักลงทุนหันมาเก็งกำไรในตลาด ลดความเสี่ยงจากดอลลาร์สหรัฐและเงินเฟ้อในอนาคต ชี้ราคาสูงเกินจริง

นายสมชาย จงนิตยกาล เจ้าของร้านทองก้งกาฮิน จ.ระนอง เปิดเผยถึงสภาวะการณ์ซื้อขายทองคำของร้านขายทองในเขตพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-พม่าด้านฝั่งจังหวัดระนอง-เกาะสองว่า ผลจากการที่ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากเป็นผลต่อเนื่องมาจากปัญหาราคาน้ำมัน และการเก็งกำไร ทำให้ราคาทองรูปพรรณและราคาทองคำแท่งที่ซื้อขายในประเทศพุ่งขึ้นตามไปด้วย โดยราคาทองรูปพรรณล่าสุดราคาซื้อขายขึ้นลงที่ระดับ 16,000 บาท

"ผลจากราคาทองคำที่ขยับพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติกาล กอปรสภาวะเศรษฐกิจกำลังมีปัญหาจึงทำให้เกิดกระแสการขายทองคำออกเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการนำเงินสดไปหมุนเวียนใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ที่มีค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของชาวพม่าซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมซื้อทองคำกักตุนไว้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีปัญหาด้านการเก็บเงินสด พบว่าขณะนี้มีการนำทองคำที่เก็บไว้ออกมาทยอยขายเป็นจำนวนมาก รวมถึงนำออกมาจำนำเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน ทราบว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องการส่งเงินสดกลับบ้านซึ่งปัจจุบันสามารถกระทำได้ง่ายเพราะมีการรับบริการรับฝากเงินออนไลน์ข้ามประเทศ ส่วนหนึ่งก็ต้องการนำไปเป็นทุนหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่พบว่าขณะนี้ค่าครองชีพต่างๆ เริ่มขยับตัวสูงขึ้นมาก"

จากกระแสการนำทองคำมาขายออกเป็นจำนวนมากของชาวพม่า รวมถึงคนไทยบางส่วน ทำให้เหล่าบรรดาร้านทองคำจำเป็นต้องหาเงินสดสำรองไว้ในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 4-5 แสนบาทเพื่อรองรับกระแสดังกล่าว รวมถึงการหาแหล่งระบายทองคำที่จะต้องระบายให้เร็วที่สุดเพราะขณะนี้ราคาทองคำผันผวนมาก หากเก็บไว้นานอาจจะประสบปัญหาการขาดทุนได้ สำหรับสัดส่วนลูกค้าที่เข้ามาในขณะนี้พบว่าเป็นกลุ่มที่ต้องการขายทอง 70 % อีก 30% เป็นกลุ่มที่เข้ามาซื้อหรือแลกเปลี่ยน

ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งทุบสถิติ

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดที่ 1,045 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาขายทองคำในประเทศปรับขึ้น 250-300 บาท โดยทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 16,250 บาท ขายออกบาทละ 16,350 บาท และทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 16,008 บาท ส่วนขายออกบาทละ 16,750 บาท สาเหตุที่ทองคำในตลาดโลกปรับขึ้นมาจากการเก็งกำไรในตลาดทองคำ หลังเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ประกอบกับนักลงทุนยังไม่มั่นใจว่าสถาบันการเงินในสหรัฐและยุโรปจะมีปัญหาปะทุออกมาอีกหรือไม่

"ประเมินกันว่าราคาทองคำในตลาดโลกอาจขึ้นไปถึง 1,060 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่จะขึ้นไปถึง 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์หรือไม่ ต้องรอดูสถานการณ์ในตลาดเอเชียช่วง 1-2 วันนี้ก่อน ซึ่งในส่วนของบ้านเรา หากเงินบาทไม่แข็งค่ามากขนาดนี้ ราคาทองคำในประเทศก็คงทะลุ 17,000 บาทไปนานแล้ว" นายจิตติกล่าว และว่า แม้ขณะนี้ราคาทองคำจะสูงขึ้น แต่บรรยากาศในร้านค้าก็ไม่ได้คึกคักมากนัก

ด้านนางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า ราคาทองคำพุ่งขึ้นจากการเข้ามาซื้อของกองทุนขนาดใหญ่ และนักลงทุนกังวลต่อเงินเฟ้อในอนาคตจึงหันมาถือครองทองคำมากขึ้น ซึ่งราคาทองคำตอนนี้สูงเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานมากแล้ว โดยตลาดทองคำในช่วงนี้เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น สำหรับนักลงทุนที่มีทองคำและมีกำไรแล้ว อาจจะหาโอกาสขายทำกำไรไปก่อนได้ แต่นักลงทุนระยะยาวและยังไม่มีทองคำเลยไม่แนะนำให้เข้าลงทุนในตลาด ควรรอจังหวะเพื่อเข้าลงทุนเมื่อราคาทองคำมีการปรับฐานใหญ่เข้าใกล้เคียงกับราคาที่แท้จริง ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ในปีหน้า

"ราคาทองพุ่งขึ้นไปเพราะการเก็งกำไรจนทำให้ราคาขึ้นไปเกินพื้นฐานที่ควรจะเป็น ในที่สุดก็จะต้องปรับลงมา อย่างไรก็ตาม ในช่วงสั้นๆ 2-3 เดือนนี้ ราคาทองคำยังน่าจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้อยู่ แต่ถึงจุดหนึ่งราคาก็ต้องสะท้อนพื้นฐานที่เป็นจริงเช่นกันและถึงตอนนั้นราคาทองคำจะปรับลงแรง" นางพวรรณ์ กล่าว

นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทหารไทย กล่าวว่า ความต้องการลงทุนในทองคำสูงขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าความต้องการใช้ในการผลิตเครื่องประดับและการใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะลดลง ซึ่งภาพรวมแนวโน้มใหญ่ของทองคำยังคงเป็นขาขึ้นอยู่ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างทางอาจมีความผันผวนได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น นักลงทุนที่สนใจจะเข้าลงทุนในทองคำน่าจะรอจังหวะที่ราคาทองปรับลงมาแถวแนวรับ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เพื่อเข้าลงทุนน่าจะดีกว่า

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook