ทำเอาใจพ่อกิ๊ก ตำรวจระเบิดรถกำนันลพบุรี
จ.ส.ต.อดุลย์ ผู้ต้องหาฆ่าเมียกำนันดังยางราก ไม่ซัดทอดถึงคนอยู่เบื้องหลัง ตำรวจได้เค้าลางว่าน่าจะเกิดจากเอาใจพ่อกิ๊ก
แม้การรับสารภาพของ "จ.ส.ต.อดุลย์ รัตนตรัยมณี" ผบ.หมู่งาน ป.สภ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี วัย 36 ปี ผู้ต้องหาระเบิดฆ่าเมียกำนันดังยางรากและคนเลี้ยงวัว จะไม่ซัดทอดไปถึงคนอยู่เบื้องหลัง แต่แนวทางการสืบสวนของตำรวจก็พอจะได้เค้าลางว่าน่าจะเกิดจากเอาใจพ่อกิ๊ก ใหม่นั่นเอง
เย็นวันที่ 5 ตุลาคม 2552 มีคนร้ายวางระเบิดรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ว 9490 กรุงเทพมหานคร เป็นเหตุให้นางธนพร ชุมมาตร และ ด.ญ.ปรปัตร ใจหาญ อายุ 5 ขวบ ลูกสาวได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนที่คนร้ายจะตามมาจ่อยิงธนพรจนเสียชีวิตอย่าง เหี้ยมโหด นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตอีก 1 คน คือ นายคลอง บุญช่วย คนเลี้ยงวัว โดยธนพรเป็นภรรยาของ "เว้ง ใจหาญ" กำนันตำบลยางราก และยังเป็นพ่อของ ด.ญ.ปรปัตร ด้วย
หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.โสภณ ตรีสุคนธ์ ผกก.สภ.โคกเจริญ พ.ต.ท.ชูชีพ อินทร รอง ผกก.สส.สภ.โคกเจริญ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนออกหาเบาะแสคนร้าย กระทั่งได้พยานที่เห็น จ.ส.ต.อดุลย์ ตำรวจประจำตู้ยามบ้านหนองแขม ป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณบ้านเลขที่ 21 หมู่ 7 ต.ยางราก อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี ของกำนันเว้ งและบ้านเกิดเหตุระเบิดบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบเห็นพฤติการณ์ขณะก่อเหตุ จึงนำตัวมาสอบปากคำต่อหน้า พล.ต.ต.ราเชนทร์ รื่นกมล รอง ผบช.ภ.1 จนให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุครั้งนี้จริง แต่ไม่ยอมให้ปากคำว่าใครเป็นผู้จ้างวานหรือบงการฆ่า
อย่างไรก็ตาม ตามแนวทางการสืบสวนของ พ.ต.ท.ชูชีพ เกี่ยวกับแผนประทุษกรรมของ จ.ส.ต.อดุลย์ ทราบว่าผู้ต้องหาอ้างว่าไปซื้อระเบิดซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถระบุชนิดได้มา จากแนวชายแดนในราคา 3,000 บาท จากนั้นนำมาลักลอบติดตั้งกับรถกระบะวีโก้ของกำนันเว้ง แล้วไปซุ่มโป่งอยู่ในละแวกบ้านเกิดเหตุ เมื่อรถกระบะเป้าหมายขับเข้ามาจอดในโรงรถ จ.ส.ต.อดุลย์ พยายามกดรีโมทระเบิดอยู่หลายครั้งก็ไม่ติด จนกระทั่ง ด.ญ.ปรปัตร และนางธนพรลงจากรถมาได้ไม่กี่เมตร จู่ๆระเบิดก็ทำงานส่งผลให้นางธนพรได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่สาหัสมากนักยังสามารถช่วยเหลือตัวเองและลูกสาว กระเสือกกระสนหนีขึ้นไปบนรถกระบะอีกคันที่จอดอยู่ใกล้ๆ
จังหวะนี้ จ.ส.ต.อดุลย์ ได้ออกจากที่ซ่อนใช้ปืนกล็อกขนาด 9 มม. จ่อยิงธนพรจนเสียชีวิต ระหว่างนี้เองนายคลองคนเลี้ยงวัวของกำนันเว้งผ่านมาเห็นเหตุการณ์พยายามเข้าช่วยเหลือนายจ้าง จึงถูกมือปืนตามไล่ยิงจนเสียชีวิตอยู่ในคลองระบายน้ำหลังบ้านไกลออกไป
"ตอนนี้ยังหาปืนกล็อก 9 มม.ที่ จ.ส.ต.อดุลย์ใช้ก่อเหตุไม่พบ เขาอ้างว่าโยนทิ้งน้ำไปแล้ว แต่เมื่อไปค้นก็หาไม่เจอ" พ.ต.ท.ชูชีพกล่าว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในชั้นสอบสวน จ.ส.ต.อดุลย์ จะปากแข็งไม่ยอมให้การพาดพิงไปถึงผู้ใด และชนวนเหตุของการสังหารในครั้งนี้ ทว่าตามแนวทางการสืบสวนของตำรวจเชื่อว่า เป้าสังหารที่แท้จริงน่าจะเป็นกำนันเว้งสามีและพ่อของเหยื่อมากกว่า เนื่องจากกำนันเว้งเป็นผู้กว้างขวางคนหนึ่งในพื้นที่ ก่อนหน้านี้มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่ง รวมถึงตัวจ่าอดุลย์เองก็รู้จักมักคุ้นกันอยู่ ในฐานะที่จ่าอดุลย์เองเข้าไปติดพันลูกสาวนักการเมืองผู้นี้ จนสนิทสนมกันเป็นพิเศษ
ต่อมามีการเลือกตั้งท้องถิ่น กำนันเว้งเป็นหัวคะแนนคนสำคัญให้แก่นักการเมืองคนที่ว่า โดยเขาได้เงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงประมาณ 7 แสนบาท แต่ผลการเลือกตั้งออกมาปรากฏว่าฝ่ายตรงข้ามชนะเลือกตั้ง ทางกลับกันกำนันเว้งเองกลับมีรถกระบะวีโก้ป้ายแดงคันใหม่ขับเชิดหน้าชูตา ตามแนวทางสืบสวนวิเคราะห์ว่านั่นอาจทำให้นักการเมืองที่สนิทกับจ่าอดุลย์ เกิดความคลางแคลงใจ เกี่ยวกับรถคันใหม่ป้ายแดงของกำนันเว้งอาจมาจากเงินหาเสียงของเขา
ขณะเดียวกัน "คม ชัด ลึก" ได้สอบถามไปยังตำรวจหลายนายที่รับราชการอยู่ใน สภ.โคกสำโรง ต้นสังกัดของจ่าอดุลย์ เกี่ยวกับพฤติกรรมส่วนตัวจนทราบว่า จ่าอดุลย์เองจบจากโรงเรียนตำรวจภูธรสระบุรี รุ่น 5 เวลาทำงานบนโรงพักมักเป็นคนเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนตำรวจมากนัก จึงไม่มีใครรู้จักอุปนิสัยใจคออย่างลึกซึ้ง ทราบเพียงว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว ทุกวันนี้ก็ยังอยู่กินด้วยกัน แต่ระยะหลังมานี้จ่าอดุลย์เข้าไปคลุกคลีอยู่กับนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่ง ใน จ.ลพบุรี ถึงขั้นลงพื้นที่ช่วยหาเสียงและไปมาหาสู่กันอยู่เสมอๆ จากการสอบถามถึงเหตุผลทุกคนให้ความเห็นตรงกันว่า เพราะจ่าอดุลย์ไปติดพันลูกสาวของนักการเมืองคนที่ว่า
ดังนั้นในชั้นนี้พนักงานสอบสวนและชุดสืบสวน สภ.โคกเจริญ ท้องที่เกิดเหตุระเบิดและฆาตกรรม จึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด แล้วพิจารณาว่ามีใครอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพันกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่
