พอล ภัทรพลฟ้องหมอรุจน์

พอล ภัทรพลฟ้องหมอรุจน์

พอล ภัทรพลฟ้องหมอรุจน์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปิดบริษัทใหม่ป่วนบริษัทเก่าจนเจ๊ง โดนหมอหุ้นส่วนหักหลัง ชี้ไม่อยากฟ้องร้องแต่เกิดความเสียหายมาก

เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 8 ต.ค. ที่สำนักงานกฏหมาย สมศักดิ์ โตรักษา ซอยอุดมสุข 20 สุขุมวิท 103 กรุงเทพ พิธีกรดาราดัง พอล-ภัทรพล ศิลปาจารย์ หุ้นส่วนบริษัท ไคโรฟิต จำกัด พร้อมด้วย ทนายความ สมศักดิ์ โตรักษา เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณีที่ นายรุจน์ โรจนาศรีรัตน์ พร้อมพวกละเมิดด้วยการนำชื่อบริษัทไคโรฟิต จำกัด ไปเปิดบริษัทใหม่ ไคโรแบงคอก ก่อให้เกิดความเสียหาย ทำให้ บริษัทไคโรฟิต ต้องปิดตัวลง

พอล-ภัทรพล ให้รายละเอียด ว่า เมื่อเดือนก.ย.2547 ตนร่วมกับนายรุจน์ หรือหมอรุจน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดกระดูก พร้อมหุ้นส่วนคนอื่นๆ ร่วมกันเปิดบริษัท ไคโรม่า จำกัด ที่ตึกออลซีซั่น ถ.วิทยุ บริการจัดกระดูก และสปา ดำเนินการมาได้ 2 ปี ก็ปิดบริษัทลงเพื่อเปิดบริษัทไคโรฟิต จำกัด ที่ทองหล่อซอย 13 เป็นการขยายบริษัท พร้อมทั้งเปิดให้บริการฟิตเนสเพิ่มขึ้น ซึ่งในช่วงนั้นการดำเนินธุรกิจเป็นไปด้วยดีและมีผลกำไร จนต่อมาทางหมอรุจน์ได้ไปเปิดบริษัทไคโรแบงคอก ขึ้นอีกบริษัทหนึ่ง ที่บีทีเอสเอกมัย ซึ่งทางตนและหุ้นส่วนคนอื่นๆ เข้าใจว่าเป็นการเปิดบริษัทลูก

ในวันเปิด ตนเองไปร่วมงาน แต่ปรากฏว่า มีเรื่องไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง ตนจึงได้สอบถามทางหมอรุจน์ หมอรุจน์แจ้งกับตนว่า ชื่อของตนยังมีอยู่ในบริษัทใหม่ แต่หุ้นส่วนคนอื่นๆ ไม่มี ตนจึงได้สอบถามไปยังหุ้นส่วนคนอื่นๆ ปรากฏว่าไม่มีใครทราบเรื่องการตั้งบริษัทใหม่เลย จากนั้นตรวจสอบพบว่าไม่มีชื่อของพวกตนอยู่ในบริษัทใหม่เลย มีเพียงหมอรุจน์กับพวก มีชื่อเป็นกรรมการบริษัทใหม่เท่านั้น

เมื่อสอบถามเรื่องนี้ไปทางหมอรุจน์ ก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา ตนจึงได้นำเรื่องนี้มาปรึกษาทนาย เพราะหมอรุจน์ได้กระทำการโดยพลการ ทำให้เกิดความเสียหายกับพวกตน และล่าสุด บริษัทไคโรฟิตก็ได้ปิดตัวลงเนื่องจากว่า มีการถ่ายโอนลูกค้าจาก บริษัทไคโรฟิตไปยังบริษัทไคโรแบงคอก อีกอย่างทางหมอรุจน์ก็ไปให้การรักษาอยู่ที่ บริษัทไคโรแบงคอก ทำให้บริษัทไคโรฟิตไม่มีรายได้เข้ามา เลยจำเป็นต้องปิดตัวลง

พอล-ภัทรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในความจริงตนไม่ได้อยากที่จะฟ้องร้อง แต่เพราะเกิดความเสียหาย หุ้นส่วนทุกคนร่วมมาด้วยกัน แต่หมอรุจน์ ไปดำเนินการโดยพลการ ที่ผ่านมาเราพยายามขอทราบข้อเท็จจริง แต่ไม่ได้รายละเอียด เราคิดว่าถ้าหากพูดจากันแล้วไม่มีข้อสรุปก็คงต้องพึ่งศาลยุติธรรม

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook