CDC สหรัฐเผย วัคซีนโควิด-19 ส่งผลให้เกิดอาการแพ้สูงกว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ถึง 10 เท่า

CDC สหรัฐเผย วัคซีนโควิด-19 ส่งผลให้เกิดอาการแพ้สูงกว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ถึง 10 เท่า

CDC สหรัฐเผย วัคซีนโควิด-19 ส่งผลให้เกิดอาการแพ้สูงกว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ถึง 10 เท่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) เผยว่า การแพ้วัคซีนโควิด-19 มีอัตราสูงกว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งวัดจากประชากรกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพบผู้มีอาการแพ้อย่างรุนแรงทั้งหมด 21 รายในหมู่ประชากรมากกว่า 1.9 ล้านรายที่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 จากบริษัทไฟเซอร์ ในช่วงกลาง-ปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว 

จากอัตราข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ผู้รับวัคซีนทั้งหมด 11 รายจาก 1 ล้านรายอาจมีอาการแพ้อย่างรุนแรง ซึ่งเป็นอัตราการแพ้วัคซีนที่สูงกว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ถึง 10 เท่า 

อย่างไรก็ตาม แพทย์หญิงแนนซี เมซซันเนียร์ ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิคุ้มกันและโรคระบบหายใจของ CDC ระบุว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังเป็นสิ่งที่ปลอดภัย และอาการแพ้หลังการฉีดถือเป็นอาการที่เกิดขึ้นน้อยมาก 

“อัตราการแพ้อย่างรุนแรงของวัคซีนโควิด-19 อาจจะดูสูงเมื่อเทียบกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ แต่ฉันรับรองว่ามันยังเป็นอาการที่เกิดขึ้นน้อยมาก” เธอกล่าว พร้อมเผยว่า ข้อมูลดังกล่าวหมายรวมถึงวัคซีนโควิด-19 ของทั้งบริษัทไฟเซอร์และบริษัทโมเดอร์นา ซึ่งใช้เทคโนโลยี mRNA ทั้งคู่

ผู้ที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรงทั้งหมด 17 รายจากทั้งหมด 21 ราย เคยมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้มาก่อน นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ยังแสดงอาการแพ้ภายใน 15 นาทีหลังได้รับวัคซีน แม้ว่าอาการแพ้อย่างรุนแรงอาจเกิดขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนแล้วหลายชั่วโมงก็ตาม ทั้งนี้ ผู้ที่มีอาการแพ้ทั้งหมด 20 คนได้รับการรักษา และสามารถกลับบ้านได้แล้ว 

“เราทุกคนก็หวังว่า วัคซีนทุกตัวจะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้เลย แต่ถึงแม้จะมีอัตราผู้แพ้ 11 คนต่อ 1 ล้านคน ก็ยังถือว่าเป็นวัคซีนที่ปลอดภัยอยู่” แพทย์หญิงเมซซันเนียร์กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook