รัฐมนตรีสาธิต ออกรายการแฉ รับโควิดทะลุร้อยอีก 2-3 เดือน แต่ยังมีลุ้นเล่นสงกรานต์

รัฐมนตรีสาธิต ออกรายการแฉ รับโควิดทะลุร้อยอีก 2-3 เดือน แต่ยังมีลุ้นเล่นสงกรานต์

รัฐมนตรีสาธิต ออกรายการแฉ รับโควิดทะลุร้อยอีก 2-3 เดือน แต่ยังมีลุ้นเล่นสงกรานต์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผ่านรายการแฉ ทางช่อง GMM25 วันนี้ (11 ม.ค.) ว่า ประเทศไทยจะยังมีจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รายใหม่เกิน 100 รายต่อวัน ไปอีกอย่างน้อย 2-3 เดือน หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่ปล่อยปละละเลยและได้รับความร่วมมืออย่างจริงจังจากประชาชน

นายสาธิต กล่าวต่อไปว่า หากเป็นไปตามนี้ ประชาชนก็น่าจะได้เล่นน้ำอย่างสนุกสนานในเทศกาลสงกรานต์

มีเยียวยาแน่นอน

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขรายนี้ กล่าวในรายการแฉ ที่ออกอากาศสดว่า มาตรการการควบคุมโรคโควิด-19 ในระลอกนี้ อาจไม่ได้เข้มข้นเท่ากับรอบแรก เพราะให้น้ำหนักกับการรักษาเศรษฐกิจมากขึ้น จึงน่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อหลักร้อยต่อวันนานกว่าการคาดคะเนดังกล่าว

นอกจากนี้ นายสาธิตยังกล่าวถึงมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากคำสั่งของรัฐบาลเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ว่า จะมีการเยียวยาในระลอกใหม่นี้แน่นอน แต่นายสาธิตไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดทั้งในแง่ของกลุ่มที่จะได้รับการเยียวยาและจำนวนเงินที่จะจ่ายให้กับประชาชน

ฉีดวัคซีนครึ่งประเทศ-ไม่หวงสิทธิ์นำเข้า

รัฐมนตรีรายนี้ กล่าวถึงวัคซีนโควิด-19 ว่า แผนการในเบื้องต้นของรัฐบาล คือ การให้ประชาชนราว 30 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของประเทศเข้าถึงวัคซีน คนละ 2 โดส และการจะฉีดให้ครบทุกคนอาจต้องใช้เวลาเพราะมีปัจจัยเกี่ยวกับการผลิตวีคซีนของบริษัทยามาเกี่ยวข้องด้วย และจนถึงขณะนี้การฉีดวัคซีนให้ครบทุกคนก็ยังไม่จำเป็นนัก และวัคซีนก็เป็นเพียงการ "ชะลอ" การแพร่ระบาดเท่านั้นเอง แต่ก็เป็นการชะลอที่ได้ผลที่สุด

นายสาธิต กล่าวต่อไปว่า ปกติแล้ววัคซีนต้องใช้เวลาทดลอง 1 ปี แต่ขณะนี้เป็นการนำมาใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน และรัฐบาลมีการเร่งรัดให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติวัคซีนให้นำมาใช้ได้โดยเร็วที่สุด แต่ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาจากความปลอดภัยเป็นหลัก

ส่วนการที่โรงพยาบาลจะนำเข้าวัคซีนมาเองนั้น นายสาธิตมองว่า รัฐบาลไม่ได้ห้ามให้นำเข้า หากโรงพยาบาลจะนำมาให้ผู้ที่มีกำลังซื้อได้ฉีดก่อนก็ทำได้ แต่วีคซีนที่จะนำเข้ามาต้องได้รับการอนุมัติจาก อย. เพราะถ้าหากไม่ปลอดภัย ก็จะไม่ให้คนไทยได้ฉีดแน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook