10ขวบไม่อยากไปโรงเรียนผูกคอตาย

10ขวบไม่อยากไปโรงเรียนผูกคอตาย

10ขวบไม่อยากไปโรงเรียนผูกคอตาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สลด!หนูน้อยวัย10ขวบ นักกีฬาเทควันโดโรงเรียน คิดสั้นน้อยใจพ่อแม่ให้ไปเรียนวัดสุดท้าย ใช้ผ้าขนหนูผูกคอตายในห้องน้ำ แม่ร่ำไห้แทบขาดใจไม่คาดคิดลูกคิดสั้น

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 9 ตุลาคม ร.ต.ท.ภมร โพธิ์ขาว ร้อยเวรสน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุจากสถาบันพยาบาลบางขุนเทียนว่ามีเด็กชายผูกคอเสียชีวิตญาตินำมาส่งที่โรงพยาบาล จึงรุดไปตรวจภายในห้องฉุกเฉินของสถานพยาบาลดังกล่าวพบศพ ด.ช.ธันวา เวชกามา หรือ"น้องเจม" อายุ 10 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79/6 ซ.ชัยวัฒน์ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กทม. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเลิศพัฒนา สภาพศพสวมกางเกงขาสั้นสีขาว ไม่สวมเสื้อ ลำคอมีรอยฟกช้ำเป็นแถบสีเขียว ตามร่างกายไม่มีบาดแผลแต่อย่างใด

สอบสวนนางอุบล เวชกามา มารดาของผู้ตาย ให้การทั้งน้ำตาว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียน โดยทางโรงเรียนจะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองปิดเทอม ซึ่งในตอนเช้าลูกต้องไปโรงเรียนตามปกติ แต่ตนเห็นสายแล้วลูกยังไม่ตื่นจึงเข้าไปปลุกภายในห้องนอน ซึ่งลูกบอกว่าไม่อยากไปโรงเรียนจะขอหยุดอยู่บ้าน แต่สามีไม่ยอมพร้อมกำชับสั่งให้ลูกอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียน จากนั้นตนได้ออกไปขายของโดยปล่อยให้ลูกอยู่กับญาติๆ ต่อมาลูกได้เข้าไปอาบน้ำภายในห้องน้ำเป็นเวลานานผิดสังเกต เมื่อเรียกหรือเคาะประตูก็ไม่มีเสียงตอบรับออกมา จึงตัดสินใจงัดประตูห้องน้ำเข้าไป พบว่าลูกได้ใช้ผ้าเช็ดตัวผูกกับขื่อภายในห้องน้ำและผูกคอตนเองจนเสียชีวิต

นางอุบล กล่าต่อว่า มีลูกชายทั้งหมด 4 คน ซึ่งน้องเจม เป็นลูกคนสุดท้อง และไม่คาดคิดว่าลูกชายจะคิดสั้นเพียงแค่ไม่อยากไปโรงเรียน ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาลูกยังจัดกระเป๋าและไม่มีท่าทีจะโดดเรียน ปกติลูกเป็นคนนิสัยเรียบร้อย เรียนดี ไม่เกเร อุปนิสัยร่าเริงแจ่มใส ไม่มีความเครียดเกี่ยวกับเรื่องการเรียน และไม่ได้ติดเกม รวมทั้งเป็นนักกีฬาเทควันโดของโรงเรียนและชมรมเทควันโดวัน เคยได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย ทั้งนี้ตนและญาติพี่น้องทุกคนรวมทั้งอาจารย์ ต่างรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ทราบข่าวว่าน้องเจมผูกคอตาย

"ปกติลูกจะชอบดูหนังซึ่งมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับคดีฆาตกรรม ทางช่องเคเบิ้ลทีวี ซึ่งดิฉันก็ได้เคยห้ามไม่ให้ลูกดูเพราะว่ามันดูโหดร้ายน่ากลัว แต่ลูกก็รั้นที่จะดูให้ได้ แต่เชื่อว่าคงไม่เกี่ยวกับการที่ลูกผูกคอตายครั้งนี้"นางอุบล กล่าวทั้งน้ำตา

ด้านร.ต.ท.ภมร กล่าวว่า คาดว่าผู้ตายอาจเกิดความน้อยใจที่ถูกบังคับให้ไปโรงเรียน ซึ่งผู้ตายต้องการที่จะอยู่กับครอบครัวที่บ้าน เนื่องจากช่วงปิดเทอมญาติจะมาอยู่ที่บ้านกันมาก จึงทำให้ไม่อยากไปโรงเรียน ประกอบกับอาจจะดูหนังเกี่ยวกับการฆาตกรรม จึงเกิดคิดสั้นผูกคอตายดังกล่าว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำญาติของผู้ตายและทั้งพยานแวดล้อมอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยในเบื้องต้นจะส่งศพน้องเจม ไปยังสถาบันนิติเวช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ด.ช.ธันวา เป็นนักเทควันโด ขั้น 11 สายสีฟ้า เป็นนักกีฬาประจำโรงเรียนและชมรมเทควันโดวัน เคยแข่งขันได้เหรียญทอง ในการแข่งขันเทควันโด อบจ.สิงบุรี ,เทควันโดยอดปฏิภาณ ทัวนาเมน ครั้งที่2 และการแข่งขันเทควันโดที่โรงเรียนเตรียมอุดมน้อมเกล้า จ.สมุทรปราการ นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลอื่นๆอีกมากมาย

โฆษกกรมสุขภาพจิตชี้อาจจะเป็นการเลียนแบบทีวี

น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้จะตัดสินไม่ได้ว่าเด็กผูกคอตายด้วยสาเหตุของการน้อยใจพ่อแม่ หรือเลียนแบบพฤติกรรมจากสื่อต่างๆ เพราะสาเหตุที่กล่าวมาเป็นเพียงหลักฐานเฉพาะหน้าที่เจอ ซึ่งความเป็นจริงแล้วอาจจะมีหลายสาเหตุที่นำมาสู่การตัดสินใจฆ่าตัวตาย ซึ่งต้องตรวจสอบดูว่าข้อเท็จจริงแล้วเด็กตัดสินใจทำแบบนี้ด้วยสาเหตุอะไร

"ตามหลักฐานการวิจัยเกี่ยวกับปัญหาของการตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยส่วนใหญ่มักจะเกิดจาก3สาเหตุคือ ปัญหาของความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ปัญหาทางสุขภาพกาย และ ปัญหาทางสุขภาพจิต แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่อาจจะมีปัญหาของเรื่องภาวะเศรษฐกิจเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย"น.พ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายของสาเหตุเรื่องของสัมพันธภาพของคนในครอบครัว ที่อาจจะมีเรื่องทำให้เด็กเกิดความน้อยใจผู้ปกครอง และเด็กตัดสินใจทำอะไรลงไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ด้วยความหุนหันพันแล่น และถ้าถามว่าเกิดการเลียนแบบจากสื่อได้ไหม ก็อาจจะเป็นได้ซึ่งการเลียนแบบดังกล่าวทางการแพทย์เรียกว่า coppy cat เป็นเรื่องของการเรียนแบบจากสื่อต่างๆเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย เป็นการแนะนำที่ผิดๆเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหาในชีวิต แต่เบื้องต้นกรณีดังกล่าวก็ต้องคิดไว้หลายๆสาเหตุ เพราะต้องเห็นใจพ่อแม่ของเด็กที่กำลังอยู่ในภาวะเสียใจที่สูญเสียสมาชิกในครอบครัว

"อยากฝากไปยังผู้ปกครองในเรื่องของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ครอบครัวต้องเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ถ้าสังเกตเห็นเด็กแสดงออกมาทางด้านพฤติกรรม หรืออารมณ์ที่เปลี่ยนไป พ่อแม่ต้องมีความรับรู้ที่ไว ต้องรีบหาทางออกที่ดีให้กับลูก พูดคุยหรือให้คำปรึกษากับลูกหากพบว่ามีปัญหา"น.พ.ทวีศิลป์ กล่าว

น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า อยากให้กำลังใจกับผู้ปกครองทุกคนให้พยายามเข้าใจในภาวะของเด็กที่กำลังเกิดการเลียนรู้ในช่วงวัยรุ่น หรือหากหาทางออกไม่ได้ ทางกรมสุขภาพจิต ยินดีให้คำปรึกษาในทุกเรื่อง ทั้งด้านเว็บไชต์เพราะจะมีข้อมูลให้ศึกษา หรือทางสายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ยินดีให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook