พขร.รถไฟตกรางมอบตัวผู้ว่าการแถลง12ต.ค.
พขร.ม้าเหล็กมรณะมอบตัว ลั่นไม่คิดหนี รับขับแทน-ป่วยความดัน-กินยาลดไข้-เพลียจนวูบ ปัดตอบฝ่าสัญญาณ-ขับเร็ว ขอให้การในศาล เผยเสียใจแผลหายบวชอุทิศให้คนตาย ตร.ตั้งข้อหาประมาท เล็งซิวช่างเครื่องด้วย ด้านผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.ยันแถลงความจริง 12 ต.ค.
ความคืบหน้าเหตุการณ์รถไฟขบวนรถด่วนที่ 84 สายตรัง-กรุงเทพฯ จำนวน 15 โบกี้ ตกรางบริเวณสถานีเขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้โดยสารเสียชีวิต 7 คน บาดเจ็บ 88 คน ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ตุลาคม นายปลื้ม เพชรทองเกลี้ยง สารวัตรงานรถจักร บางซื่อ พร้อมทนายความ และเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นำนายเริงศักดิ์ พันธ์เทพ อายุ 49 ปี พนักงานขับรถไฟขบวนเกิดเหตุ เข้ามอบตัวที่ สภ.หัวหิน ในสภาพใบหูขวาและเหนือศอกขวามีผ้าพันแผลปิดไว้
โดยมี พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.กษณะ แจ่มสว่าง ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.หัวหิน พ.ต.ท.สมศักดิ์ เนื่องอ้น รอง ผกก.สส.สภ.หัวหิน และ พ.ต.ท.เจริญ ชนประเสริฐ พนักงานสอบสวน รอรับ จากนั้นทั้งหมดเข้าไปในห้องทำงานของ ผกก.สภ.หัวหิน ที่ชั้น 2 ประมาณ 20 นาที จึงเปิดห้องแถลงข่าวที่ชั้น 3
นายเริงศักดิ์ กล่าวว่า ได้รับการประสานให้มาขับรถไฟขบวนเกิดเหตุ แทนพนักงานขับรถตัวจริง แต่ตนมีโรคประจำตัวคือ โรคความดัน อีกทั้งก่อนทำงานมีไข้เล็กน้อยจึงรับประทานยา
"ผมยอมรับว่ารู้สึกง่วงซึม ประกอบกับมีควันเข้ามาในรถมาก ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียจนเกิดอาการวูบไป" นายเริงศักดิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าขบวนรถฝ่าสัญญาณไฟหยุดรถใช่หรือไม่ นายเริงศักดิ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เรื่องนี้ขอไปให้การในชั้นศาล
ส่วนประเด็นที่ไม่ลงไปรับใบสับหลีกนั้น นายเริงศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของรูปคดี ไม่ขอพูด อยากให้การในศาล
นายเริงศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุไม่ได้หนี แต่ที่ไม่ได้แสดงตัว เนื่องจากหลังออกจากรถไฟได้ มีเลือดออกที่ศีรษะและร่างกาย เจ้าหน้าที่มูลนิธิจึงนำขึ้นรถส่งรักษาที่โรงพยาบาลหัวหิน แพทย์เย็บแผลที่หูขวาถึง 20 เข็ม กระดูกซี่โครงเดาะ ตามร่างกายมีบาดแผลอีกหลายแห่ง
"ผมยืนยันว่าไม่ได้หนีไปไหน พอเห็นว่าค่อยยังชั่วแล้วจึงไปพบผู้ใหญ่ และขอไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ผมต้องขอโทษมากๆ ที่ไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นคนขับตั้งแต่ต้น เพราะช่วงนั้นเครียดมากที่เห็นคนเจ็บและคนตายมากมาย ต้องขอโทษจริงๆ" นายเริงศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าขณะเกิดเหตุขับรถด้วยความเร็ว 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช่หรือไม่ นายเริงศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเร็วเท่าใด เรื่องนี้ต้องให้ฝ่ายเทคนิคเป็นผู้ตรวจสอบ
"ผมทำหน้าที่ขับรถไฟมา 17 ปี ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ ครั้งนี้ยอมรับว่าเป็นความผิดของผมที่เกิดวูบขณะทำงาน อยากขอโทษผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ผมเสียใจอย่างสุดซึ้ง หากเป็นไปได้อยากไปขอขมาศพทุกศพ อยากบวชอุทิศส่วนกุศลไปให้คนตายด้วย แต่ตอนนี้ยังมีอาการบาดเจ็บ และอยู่ในความดูแลของแพทย์" นายเริงศักดิ์ กล่าวยืนยัน
ด้านนายปลื้ม ในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงของนายเริงศักดิ์ กล่าวว่า ส่งกล่องบันทึกการทำงาน หรือ "กล่องดำ" ให้เจ้าหน้าที่ทำการถอดข้อมูลแล้ว ส่วนนายเริงศักดิ์หลังเกิดเหตุอยู่ในการควบคุมของตนตั้งแต่วันแรก
ส่วน พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ กล่าวว่า หลังการสอบปากคำ คาดว่าจะใช้เวลาสรุปสำนวนประมาณ 2 สัปดาห์
ส่วนจะดำเนินคดีกับช่างเครื่องซึ่งนั่งทำงานคู่กับพนักงานขับรถไฟหรือไม่นั้น พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ พบว่าช่างเครื่องมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยพนักงานขับรถ ในการตรวจสอบอาณัติสัญญาณต่างๆ ประเด็นนี้อยู่ที่การสอบสวน หากพบว่ามีความบกพร่องในหน้าที่ ก็ต้องแจ้งข้อหาร่วมกันกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายด้วย
ทั้งนี้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหานายเริงศักดิ์ กระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิตและบาดเจ็บ จากนั้นนายเริงศักดิ์ใช้ตำแหน่งประกันตัวเองออกไป
วันเดียวกัน นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟฯ กล่าวว่า นายเริงศักดิ์ได้เข้าพบคณะกรรมการสอบสวนที่การรถไฟแต่งตั้ง โดยระบุว่าวันเกิดเหตุกินยารักษาโรคประเภทหนึ่ง ทำให้เกิดอาการวูบขณะขับรถ อย่างไรก็ตามคณะกรรมการจะเปิดเผยรายละเอียดว่ายาดังกล่าวเป็นยาประเภทใด พร้อมทั้งผลการสอบสวนในวันที่ 12 ตุลาคมนี้