"two"งาน4ปี ในการรอคอยของ"ตู่"ภพธร
ได้ฤกษ์คลอดอัลบั้มเต็มของตัวเองซะทีนับจากก้าวมาเป็น 1 ใน 11 ศิลปินของโปรเจกท์ "ริทึ่ม แอนด์ บอย อีเลฟเว่น" เมื่อ4 ปีแล้ว สำหรับ "ตู่" ภพธร สุนทรญาณกิจ กับอัลบั้มแรกที่ให้ชื่อว่า2 (two) ซึ่งมาจากคำพ้องเสียงจากชื่อเล่นของเขาที่ใช้เรียกเมื่อครั้งใช้ชีวิตอยู่ สหรัฐอเมริกาโดยอัลบั้มนี้นอกจากจะรับหน้าที่โค-โปรดิวเซอร์แล้ว เขายังได้ทั้งแต่งเนื้อร้อง ทำนอง และดูแลเรื่องการถ่ายปก และเอ็มวีด้วยเอง
จากซิงเกิลแรก"คิดอะไร" เพลงเปิดตัวที่ตู่พลิก ภาพด้วยการออกมายืนเต้นแตกต่างจากภาพการร้องเพลงช้าอาร์แอนด์บีที่คุ้นเคย มาถึงซิงเกิลที่ 2 "โปรดอย่ามาสงสาร" ที่ได้การตอบรับอย่างดีโดยเฉพาะการร้องที่เป็นเอกลักษณ์
ตู่พูด ถึงเพลงซิงเกิลที่ 2 นี้ว่า เพลงนี้เป็นเพลงที่เขียนเนื้อร้องร่วมกันกับ บอยโกสิยพงษ์ โดยมีโคโค่บอย(Henrik-Coco Lee) โปรดิวเซอร์อัลบั้มมาร่วมดูแลในเรื่องของดนตรี
"เพลงนี้ดนตรีจะเป็นป๊อป-อาร์แอนด์บี เนื้อหาเศร้าๆ เวลาแต่งผมจะคิดถึงเวลาที่อกหักจากคนคนหนึ่งที่ทิ้งไป บางครั้งเราแย่มาก คิดฟูมฟาย ว่า ถ้าเราเป็นอะไรไปคนคนนั้นที่ทิ้งเราไปจะมาหาเราไหม ฟุ้งไปเอง อยากให้เขาเห็นใจ อยากให้กลับมา ทั้งที่ความเป็นจริง เราคงไม่อยากให้ใครกลับมาเพราะสงสาร ผมเองก็เคยคิดแบบนั้นในช่วงเวลาหนึ่ง ในส่วนของเนื้อหาตรงนี้ ผมแต่งมาก่อนแล้วมาให้พี่บอยช่วยจบให้
ในเรื่องการร้องเพลงนี้จะยากตรงที่ก่อนที่จะมีเนื้อร้องเป็นภาษาไทย ตู่จะ ฮัมทำนอง ร้องเป็นคำภาษาอังกฤษมาก่อน พอมาร้องเป็นภาษาไทย ซึ่งเป็นคำที่มีวรรณยุกต์ ผมก็รู้สึกว่าต้องร้องให้ทำนองเดิมด้วย คือไม่ได้ต้องการจะโชว์การร้องเยอะแยะอะไร เพียงแค่ผมจะซีเรียสเรื่องทำนอง คือหากแต่งทำนองมาอย่างไรก็ต้องไม่ไปเปลี่ยน ต้องร้องให้ได้ตามนั้น คนอื่นก็ถามนะว่าทำไมไม่ร้องเรียบๆ ธรรมดาๆ ผมว่าถ้าร้องแบบนั้นมันจะธรรมดาไป"
คุยถึงซิงเกิลที่2 ที่ถูกเปิดตามสถานีวิทยุมากมายไปแล้ว ถามต่อว่า เหตุใดอัลบั้มเดี่ยวถึงได้ฤกษ์คลอดออกมาช้าเหลือเกิน นักร้องหนุ่มคนเดิม ตอบว่า
"สาเหตุที่นาน เพราะหลักๆ แล้ว พวกเรา (ศิลปินในกลุ่มรึทึ่ม แอนด์ บอย อีเลฟเว่น) ทำเพลงกันเอง พี่บอยจะปล่อยให้ทุกคนมีอิสระในการทำเพลง และทำงาน ผมเองก็ทำงานมาตลอด เขียนเพลงเพื่ออัลบั้มตัวเองมาตั้งแต่ตอนนั้น ทำมาแล้วก็จะให้พี่บอยดูว่ามันยังขาดอะไร ซึ่งพี่บอยก็ชอบแล้ว แต่ในเรื่องของงานโปรดักชั่นส์ ผมยังมีประสบการณ์ไม่พอ เจ๋งไม่พอ จนกระทั่งพี่บอยมาแนะนำให้รู้จักโคโค่ บอย
ผมว่าช่วงเวลานี้มันคือช่วงเวลาที่พร้อมที่สุดแล้วถามว่าที่ผ่านมาท้อไหม ก็นึกท้อเหมือนกัน แต่ที่ผ่านมาพอผมได้เริ่มร้องเพลง ได้ทำอะไรตรงนี้ ก็รู้สึกตกหลุมรักกับสิ่งนี้มาก ทำให้ไม่อยากไปหาอย่างอื่นทำแล้ว เคยนึกอยากกลับไปอเมริกาเหมือนกัน คือมันเหนื่อย เหมือนคนไม่เห็นในสิ่งที่เราทำ ประจวบเหมาะกับหลายๆ อย่าง เหมือนเป็นความคิดของคนที่เหนื่อยใจ แต่ในที่สุดผมก็รู้ว่าผมชอบอะไร รักอะไร เหนื่อย พักไป พรุ่งนี้ก็ดีขึ้น
กับโคโค่บอย ผมฟังเพลงเขาแล้วรู้สึกเพลงเขาเจ๋งดี เป็นฝรั่งมาก เพลงเขาเป็นแนวป๊อป เพลงของผมเป็นอาร์แอนด์บี ซึ่งเพลงที่ผมทำเองก่อนหน้านั้นผมก็ทำออกมาอาร์แอนด์บีมากๆ เลยคิดว่าถ้าเราจะมาทำงานด้วยกัน ก็ควรจะเริ่มต้นทำไปพร้อมกันจะดีกว่า ผมไม่อยากให้เขาแค่มาทำในส่วน 20 เปอร์เซ็นต์ที่ผมยังเหลืออยู่เท่านั้น กลัวเขาจะไม่แฮปปี้ เลยเริ่มทำงานกันใหม่ในช่วงปีที่ผ่านมา จนมาวันนี้"
สำหรับอัลบั้มนี้ตู่ บอกว่า จะมีเพลงทั้งหมด 6 เพลง โดยทุกเพลงจะรวมอยู่ในหมวดหมู่ความป๊อป และอาร์แอนด์บีผสมกัน โดยการทำงานก็จะมีเขากับโปรดิวเซอร์เป็นหลัก นอกจากนี้ก็จะมี บอย โกสิยพงษ์ มาช่วยโปรดิวซ์ให้ในเพลงถ้าหาก และร่วมเขียนเนื้อในเพลงโปรดอย่ามาสงสาร รวมถึงได้ กั้ง กรู๊ฟไรเดอร์ส มาช่วยเล่นกีตาร์ให้ในเพลงเธอคงจะลืม ได้โอ เจ็ทเซ็ทเตอร์, เควิน เดอะ บีกินส์ รวมถึงเพื่อนๆ มาช่วยเล่นดนตรี
เมื่อถามถึงเพลงที่แต่งยากที่สุดใช้เวลานานที่สุด ตู่ ตอบแบบไม่ต้องสงสัยว่า เพลงแค่ในฝัน เพราะเป็นเพลงแรกที่ร่วมแต่งกับโคโค่ บอย โปรดิวเซอร์ จึงต้องใช้เวลาหาความลงตัวให้เจอ
"ผมเองมีไอเดียที่แข็งแรง เขาเองก็มาในแนวของเขา แล้วเราต้องมาเจอกันตรงกลาง คนมีจุดหมายด้วยกันทั้งคู่ต้องมาจูนกัน จึงทำให้ต้องใช้เวลา จากนั้นพอได้เพลงแรกก็ง่ายขึ้น ซึ่งเราทั้งคู่ก็เต็มที่มากๆ ไม่ปล่อยอะไรให้ผ่านไปง่ายๆ
ส่วนเพลงแรกที่เปิดตัวออกมาเป็นเพลงเต้นจริงๆ ตู่ชอบดนตรีแนวนี้อยู่แล้ว เพลงตู่เอง ที่แต่งในอัลบั้มหรือเพลงที่ฟังมันก็ไม่พ้นไปจากนี้ สำหรับเรื่องเต้นมาทีหลัง เพลงนี้มันเกิดขึ้นจากผมคิดว่าในอัลบั้มน่าจะมีเพลงเร็วสักเพลงหนึ่ง ถ้าทำเพลงเร็วที่เหมาะกับอัลบั้ม แล้วตัวผมชอบก็อยากจะทำเพลงแบบนี้ ซึ่งถ้าเป็นเพลงเร็วแล้วจะให้ยืนร้องนิ่งๆ ก็น่าจะตลกกว่าเต้น ฉะนั้นเลยจะต้องมีเต้นนิดหน่อย ถามว่าเรื่องเต้นถนัดไหม ผมว่าผมคงถนัดในที่มืดๆ มากกว่า" ตู่ตอบติดตลก
นักร้องหนุ่มย้ำตอนท้ายด้วยความเชื่อมั่นว่าอัลบั้มนี้ของเขาจะมีสไตล์ ที่ไม่เหมือนใคร รับรองว่าฟังแล้วไม่รู้สึกว่าเลียนแบบ หรือเหมือนใครแน่นอน