“โดนัลด์ ทรัมป์” ถูกถอดถอนรอบ 2 หลังเหตุการณ์ความวุ่นวายในสหรัฐ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐที่ถูกยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งถึง 2 ครั้งในวันพุธที่ผ่านมา (ตามเวลาสหรัฐ) โดยทรัมป์ถูกตั้งข้อกล่าวหา “ก่ออาชญากรรมและประพฤติผิดขั้นสูง” หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว เขาได้พูดจายุยงปลุกปั่นให้เกิดการจลาจลในรัฐสภาสหรัฐ
พฤติกรรมของทัมป์ในช่วง 13 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่การถูกยื่นถอดถอนในครั้งแรก ส่งผลให้พรรคเดโมแครตสามารถตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย โดยสภาคองเกรสมีมติถอดถอนทรัมป์ ด้วยคะแนน 232-197 ซึ่งเป็นตัวแทนจากพรรคเดโมแครตทั้งหมด และมีตัวแทนจากพรรครีพับลิกันรวมอยู่ด้วย 10 คน ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พรรคทั้งสองฝ่ายร่วมมือกับยื่นถอดถอนประธานาธิบดี
หนังสือถอดถอนที่มีความยาว 4 หน้า ระบุว่า ทรัมป์ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงเรื่องการเลือกตั้งปี 2020 กับผู้สนับสนุนของเขา จากนั้นจึงกระตุ้นให้คนเหล่านี้ตั้งคำถามกับผลการเลือกตั้ง ก่อนจะชุมนุมกันที่รัฐสภาและขัดขวางการรับรองผลผู้ชนะการเลือกตั้ง
หลังจากสภาคองเกรสส่งร่างการถอดถอนทรัมป์ให้กับสมาชิกวุฒิสภาแล้ว สภาสูงต้องรีบเปิดทำการสอบสวนทันที จากนั้นจึงทำการลงคะแนนว่าจะถอดถอนทรัมป์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม สภาคองเกรสอาจมีเวลาไม่มากพอที่จะกดดันให้ทรัมป์ออกจากตำแหน่งได้ทันในสัปดาห์หน้า โดยมิตช์ แมคคอนเนล หัวหน้าวุฒิสภา ได้กล่าวหลังจากที่สภาคองเกรสได้ลงคะแนนว่า สภาสูงจะไม่เริ่มการสอบสวนจนกว่าจะถึงการประชุมแรก หรืออย่างเร็วที่สุดคือวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งหมายความว่า ขั้นตอนการถอดถอนจะกินเวลาในสมัยทำงานของโจ ไบเดน
ก่อนหน้านี้ พรรคเดโมแครตเรียกร้องให้ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรีเริ่มขั้นตอนการถอดทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ด้วยการใช้มาตราที่ 25 แต่เพนซ์ได้ปฏิเสธไป ส่งผลให้แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร จึงเปิดอภิปรายการถอดถอนทรัมป์ในสภาคองเกรส เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะที่ทรัมป์ก็ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า การถอดถอนเขานั้นเปรียบเสมือนการล่าแม่มด และเป็นอันตรายต่อประเทศยิ่งกว่าตัวเขาเอง