ฟังทั้งสองมุม น้องสาวเอาน้ำร้อนๆ สาดใส่พี่ชายตาบอดจนหน้าไหม้พุพอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. นางสาวโชติกา อายุ 32 ปี อยู่ จ.สระบุรี ร้องขอความช่วยเหลือผ่านสื่อ ให้ช่วยเหลือนายเสาร์ อายุ 56 ปี น้าชาย ที่ตาบอด 2 ข้าง ถูกน้องสาวทุบตี และสาดน้ำร้อนใส่หน้าจนใบหน้าพุพองเจ็บสาหัส อาศัยอยู่ที่บ้านพัก หมู่ 12 ต.ภูกระดึง อ.ภูกระดึง จ.เลย
เมื่อรับแจ้งผู้สื่อข่าวพร้อมด้วย นายณัฐพงษ์ พรชัย หัวหน้า พม. จ.เลย และ เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการคนพิการ จ.เลย เดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว พบว่าเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบ นางลำเนา อายุ 78 ปี ผู้เป็นแม่ ซึ่งพิการทางหู พร้อมลูกชาย นายเสาร์ ซึ่งมีอาการพิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง และนางสุภาวรรณ อายุ 46 ปี น้องสาวคนโตของนายเสาร์ นั่งอยู่ที่แคร่ไม้หน้าบ้าน โดยพบว่าใบหน้านายเสาร์ถูกน้ำร้อนสาดเต็มใบหน้า ในสภาพไหม้เกรียม บางส่วนพุพอง
นายเสาร์ เล่าว่า ตนอยู่บ้านหลังนี้กับแม่และน้องสาวคนเล็ก จนเมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา มีปากเสียงกับน้องสาว จนน้องสาวไม่พอใจสาดน้ำร้อนใส่หน้าตนเองจนไหม้ เป็นแผลพุพอง จนอักเสบ ทั้งยังไม่ให้ตนออกจากบ้านไปหาหมอ ถ้าไม่เชื่อจะทุบตี ต้องอยู่ภายในบ้านกับแม่ 2 คน และทนเจ็บทรมาน จนกระทั่งนางสุภาวรรณ น้องสาวคนโต ที่มีบ้านอยู่ติดกันมาเห็นถึงกับตกใจ ที่ตนเองโดนกระทำขนาดนี้ และไม่คิดว่าน้องสาวแท้ๆ ทำกับพี่ชายได้
นายสุภาวรรณ น้องสาวคนโต เล่าว่า ตนเองรับไม่ได้ที่พี่ชายต้องมาโดนน้องสาวทำถึงขนาดนี้ จึงโทรไปบอกลูกสาวที่ทำงานอยู่ที่ จ.สระบุรี จนลูกสาวร้องไปทางผู้สื่อข่าว น้องสาวเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ก่อนอยู่บ้านหลังนี้ด้วยกัน จนมีปัญหากับพี่ชายแยกไปอยู่นาน 10 ปี จนกระทั่งเพิ่งกลับมาบ้านได้เพียงปีกว่า บอกแม่ว่าช่วยโอนบ้านและที่ดินให้ แล้วจะดูแลแม่กับพี่ชาย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่ชายโดนน้องสาวตีประจำแต่ก็ทนเอา จนมาครั้งนี้ที่น้องสาวเอาน้ำร้อนสาดใส่หน้าพี่ชายจนไหม้พุพอง เจ็บสาหัส ตนเองรับไม่ได้ที่ทำกับพี่ชายถึงขนาดนี้ และเมื่อเช้าเพิ่งพาพี่ชายไปหาหมอที่ รพ.ภูกระดึง กลับมาบ้านพบเจ้าหน้าที่ พม.ลงมาช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง นางสาวหนึ่งฤทัย อายุ 37 ปี น้องสาวคนเล็ก เล่าว่า ตนเองยอมรับว่าสาดน้ำร้อนใส่หน้าพี่ชายจริง สาเหตุมาจากที่พี่ชายชอบสูบบุรี่ในบ้าน พูดไม่เชื่อ ทำให้ตนเองพักผ่อนไม่พอ จึงโมโหสาดน้ำร้อนใส่หน้าจริง แต่ไม่เคยตบตีพี่ชาย ถ้าพี่ชายจะดำเนินคดีกับตนเองก็พร้อมที่จะรับผิด แต่จะไม่ให้พี่ชายอยู่บ้านหลังนี้อีกต่อไป
ล่าสุด ทั้งสองฝ่ายได้มีการพูดคุยหารือและไกล่เกลี่ย โดยมีผู้ใหญ่บ้านมารับฟังด้วย สรุปว่า จะแยกแม่ที่พิการทางหูและพี่ชายที่ตาบอดที่ได้รับบาดเจ็บ ออกไปพักที่บ้านผู้ใหญ่บ้านชั่วคราว จากนั้นจะประสานไปยัง อบต. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยใช้งบประมาณ 20,000 บาท สร้างเพิงหรือกระต๊อบเล็กๆ ข้างบ้านพี่สาวคนโตให้อยู่ถาวร โดยให้ห่างจากกัน ไม่ต้องเกี่ยวข้องกัน ตามความประสงค์ของครอบครัว เพื่อเลี่ยงการทะเลาะวิวาท ทั้งนี้ ทางครอบครัวตัดสินใจที่จะไม่ดำเนินคดีกับน้องสาว
นายณัฐพงษ์ พรชัย หัวหน้า พม.จ.เลย เปิดเผยว่า หลังได้รับแจ้งลงพื้นที่มาเยี่ยมให้กำลังใจ และแนะนำข้อกฎหมาย พรบ.ยุติความรุนแรงครอบครัว กฎหมายอาญา ในเบื้องต้นทราบว่าผู้เสียหายต้องการเอาเรื่องแจ้งความดำเนินคดี เพียงแต่แนะนำว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร แต่ถ้าอยู่ระหว่างสอบสวนอยู่ ถ้าอยากได้รับความคุ้มครองต้องไปยื่นเรื่องต่อศาลครอบครัวและเยาวชน เพื่อคุ้มครองผู้เสียหายอย่างไร และช่วยเหลือเรื่องเงินพิการและอื่นๆ และประสานหน่วยงานในพื้นที่ช่วยเหลือต่อไป