ไบเดนประกาศสู้โควิด-19 “เต็มขั้น” บังคับสวมหน้ากาก เข้าสหรัฐต้องกักตัว
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศ “ความพยายามในช่วงสงครามเต็มรูปแบบ” เพื่อรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 วิกฤตการณ์สาธารณสุขที่เลวร้ายที่สุดในศตวรรษนี้ โดยไบเดนลงนามในคำสั่งให้สวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบินระหว่างรัฐ บนรถไฟ และรถสาธารณะ พร้อมกำหนดให้ผู้เดินทางเข้าสหรัฐจากต่างประเทศต้องทำการกักตัว
“ประวัติศาสตร์จะเป็นตัววัดว่าเราพร้อมที่จะทำงานหรือไม่” ไบเดนประกาศ หลังปรากฏตัวในห้องจัดเลี้ยงของทำเนียบขาว พร้อมกับคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี และนายแพทย์แอนโธนี ฟาวซี่ หัวหน้าที่ปรึกษาด้านโควิด-19
รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะออกมาตรการฃสวมหน้ากากอนามัยขณะเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะชนิดต่าง ๆ ส่งผลให้บริษัทผู้ให้บริการต้องออกมาตรการของตัวเอง ซึ่งมาตรการที่ไบเดนจะบังคับใช้นี้ จะกำหนดให้แอร์โฮสเตสและพนักงานคนอื่น ๆ ต้องสวมหน้ากากอนามัย
สายการบินในสหรัฐทั้งหมดได้ขอความร่วมมือให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง ขณะที่ผู้โดยสารส่วนใหญ่ยอมให้ความร่วมมือ ก็ยังมีผู้โดยสารบางส่วนที่ปฏิเสธจะสวมหน้ากากอนามัย ส่งผลให้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สายการบินต่าง ๆ ได้ปฏิเสธการบริการผู้โดยสารที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยไปแล้วกว่า 2,500 คน ทั้งนี้ องค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐยังจะออกมาตรการที่กำหนดให้ ผู้โดยสารที่ไม่ยอมทำตามคำแนะนำของพนักงานสายการบิน ต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวน 35,000 ดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ ไบเดนยังออกคำสั่งให้ ผู้เดินทางโดยเครื่องบิน รวมทั้งพลเมืองของสหรัฐ จะต้องแสดงผลการตรวจโรคโควิด-19 ที่เป็นลบ ก่อนเดินทางจากประเทศต้นทางเพื่อเข้าสหรัฐ และต้องทำการกักตัวเองเมื่อเดินทางมาถึง
สหรัฐมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 แล้วกว่า 400,000 ราย และเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ก็กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของรัฐบาลไบเดน ที่เพิ่งเข้าไปทำงานเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา การรับมือกับโรคระบาดของเขาจะเป็นตัวตัดสินว่าชาวอเมริกันพึงพอใจกับการทำงานของรัฐบาลนี้หรือไม่ ดังที่ไบเดนได้กล่าวไปก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าไบเดน จะกำหนดให้มีการใช้ข้อบังคับการกักตัวอย่างไร และคำสัญญาว่าจะฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดสภายใน 100 วันแรกของการทำงานของเขา จะเป็นจริงได้หรือไม่