ดร.เฟาซี ชี้ สู้โควิด-19 กับไบเดนจะ “โปร่งใส เปิดกว้าง ตรงไปตรงมา”

21 ม.ค. 2564 ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค สหรัฐอเมริกา (CDC) เปิดเผยถึงความสัมพันธ์ร้าวฉานในการทำงานกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมระบุว่า การทำงานกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนใหม่ ในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 จะต้องมีความโปร่งใส เปิดกว้าง และตรงไปตรงมา

ในฐานะสมาชิกคณะทำงานบริหารจัดการสถานการณ์ไวรัสโคโรนาในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ ดร.เฟาซีเปิดเผยว่า เขารู้สึกไม่มีความสุขในการทำงานเมื่อต้องขัดแย้งกับประธานาธิบดี ไม่ว่าจะเป็นความไม่ลงรอยกันในเรื่องวิธีการจัดการกับโรคระบาดใหญ่ ทั้งการสื่อสารกับประชาชนและการรักษาสมดุลระหว่างการเปิดเมืองและการยับยั้งการระบาดของโรค ไปจนถึงการที่เหล่าผู้ช่วยของทรัมป์พยายามจำกัดบทบาทของ ดร.เฟาซี ในการสื่อสารกับประชาชนด้วย

ขณะที่ทรัมป์ยืนยันว่าเขาเคารพ ดร.เฟาซี เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเขา แต่ทรัมป์ก็ยังเคยกล่าวว่า เขากำลังพิจารณาปลด ดร.เฟาซี และ ดร.เฟาซียังต้องเผชิญกับการข่มขู่เอาชีวิตจากกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ด้วย

“การที่คุณสามารถมายืนอยู่ตรงนี้ แล้วพูดสิ่งที่คุณรู้ หลักฐานที่มีอยู่มีอะไรบ้าง วิทยาศาสตร์ว่าอย่างไร ปล่อยให้วิทยาศาสตร์พูด เป็นความรู้สึกที่เป็นอิสระ” ดร.เฟาซีกล่าว

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ สถานการณ์กลับแตกต่างจากที่ผ่านมา โดย ดร.เฟาซี ตื่นแต่เช้ามืด เพื่อเป็นตัวแทนของประธานาธิบดีไบเดน ในการเจรจากับองค์การอนามัยโลก (WHO) เกี่ยวกับการกลับเข้าเป็นสมาชิกขององค์การอนามัยโลกอีกครั้ง ก่อนที่ไบเดนจะลงนามในคำสั่งผู้บริหาร เพื่อจัดการกับโรคระบาดใหญ่ นอกจากนี้ ดร.เฟาซียังเป็นผู้เชี่ยวชาญคนแรกที่ได้เข้าไปในห้องประชุมของรัฐบาลใหม่ด้วย

“สิ่งที่ชัดเจนอย่างมากเมื่อราว 15 นาทีก่อน ขณะที่ผมอยู่กับประธานาธิบดีก็คือ สิ่งที่เราจะทำต่อไปนี้จะต้องมีความโปร่งใส เปิดกว้าง และตรงไปตรงมา หากมีสิ่งใดผิดพลาด จะไม่มีการชี้นิ้วกล่าวโทษกัน แต่เราจะแก้ไขปัญหาร่วมกัน และเราจะทำทุกอย่างบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์และหลักฐานรองรับ” ดร.เฟาซีระบุ

นอกจากนี้ ดร.เฟาซียังส่งสัญญาณให้ประชาชนรู้ว่า วันเวลาแห่งการมั่นใจเกินไปและข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือได้สิ้นสุดลงแล้ว

“เรื่องใหม่ที่จะเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ก็คือ หากคุณไม่รู้คำตอบ จงอย่าเดาสุ่ม แค่บอกว่าคุณไม่รู้ก็เท่านั้นเอง” ดร.เฟาซีกล่าว

ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโควิด-19 ได้ที่นี่