เปอร์โตริโกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังคดีฆาตกรรมผู้หญิง-คนข้ามเพศ พุ่งสูง

เปอร์โตริโกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากความรุนแรงที่เกิดจากเหตุแห่งเพศ โดยเฉพาะการฆาตกรรมผู้หญิงและคนข้ามเพศ เพิ่มสูงขึ้น

เปโดร ปิเอร์ลุยซี ผู้ว่าการคนใหม่ของเปอร์โตริโก ประกาศมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงอันเกิดจากเหตุแห่งเพศ ผ่านโครงการรัฐ รวมทั้งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่จะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2022

“ความรุนแรงทางเพศเป็นเรื่องเลวร้ายของสังคม ที่เกิดจากความไม่รู้และทัศนคติที่ไม่เปิดกว้าง หรือการขาดความอดกลั้น” ปิเอร์ลุยซีกล่าวในแถลงการณ์ “เป็นระยะเวลาอันยาวนาน ที่เหยื่อผู้เปราะบางต้องทนทุกข์ทรมานกับผลของระบบชายเป็นใหญ่ ความไม่เท่าเทียม การเลือกปฏิบัติ การขาดการศึกษา ขาดแนวทางปฏิบัติ และขาดการลงมือปฏิบัติ”

คำสั่งของผู้ว่าการเปอร์โตริโกออกมาภายในไม่กี่วัน หลังจากที่แองจี โนเอมิ กอนซาเลซ พยาบาลและแม่ลูกสาม ถูกฆาตกรรมโดยแฟนของเธอและทิ้งร่างไว้ในหุบเหว นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวยังเป็นผลมาจากความพยายามของเหล่านักกิจกรรมและองค์กรต่างๆ ที่คอยกระตุ้นให้รัฐบาลแก้ปัญหาความรุนแรงอันเกิดจากเหตุแห่งเพศ ซึ่งมักจะมีสถานการณ์ที่เลวร้ายลงกว่าเดิม หลังจากภาวะวิกฤตต่างๆ เช่น พายุเฮอร์ริเคนมาเรีย และโรคระบาดใหญ่โควิด-19

จากรายงานของกลุ่มสังเกตการณ์ความเท่าเทียมทางเพศ (Gender Equality Observatory) เมื่อปี 2020 เกิดเหตุฆาตกรรมผู้หญิงทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างน้อย 60 ราย ในเปอร์โตริโก ซึ่งรวมถึงผู้หญิงข้ามเพศ จำนวน 6 ราย และอีก 26 คดี กำลังอยู่ระหว่างการสืบสวน หรือขาดข้อมูล นอกจากนี้ ผู้หญิงอย่างน้อย 5,517 ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว

อย่างไรก็ตาม เปอร์โตริโกเผชิญกับวิกฤตด้านความรุนแรงต่อผู้หญิงมาเป็นระยะเวลายาวนาน โดยรายงานจาก American Civil Liberties Union (ACLU) เมื่อปี 2012 ระบุว่า หลายคดี ผู้หญิงต้องแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ และยังพบว่าหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมายไม่ได้ดำเนินการบันทึกหรือการสืบสวนคดีข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศอย่างเพียงพอ มีเพียงคดีเล็กน้อยเท่านั้นที่ถูกตัดสินว่ากระทำผิดจริง

นโยบายของปิเอร์ลุยซีในการจัดการปัญหานี้ ได้แก่ การจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อให้ความรู้ สนับสนุน และช่วยเหลือในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงทางเพศ และการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้ถูกกระทำความรุนแรงสามารถขอความช่วยเหลือได้ รวมทั้งการสร้างความร่วมมือและการสอนให้เด็กๆ รู้จักเคารพเพื่อนมนุษย์

ด้านนักกิจกรรมและกลุ่มตัวแทนด้านสตรีนิยมก็ตอบรับคำสั่งของผู้ว่าการคนใหม่เป็นอย่างดี โดยระบุว่าเป็นทิศทางที่ถูกต้อง และจะรอดูว่ามาตรการเหล่านี้จะถูกนำมาปฏิบัติอย่างไร