หนุ่มไลฟ์จะผูกคอตาย เครียดเสียรู้ตำรวจคู่กรณี แม่รถชนตาย-ใช้ช่องกฎหมายเอาเปรียบ
หนุ่มไลฟ์เฟซบุ๊กผูกคอ หลังแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตำรวจคู่กรณีรับปากจะเยียวยา ก่อนใช้ช่องกฎหมายเอาเปรียบ
(27 ม.ค.64) เมื่อเวลา 21.30 น. เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู และ เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยสมุทรปราการ ได้ร่วมกันเดินทางมาที่ อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยมังกรนาคดี ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังได้รับข้อมูลจากโซเชียล ที่มีการแจ้งต่อกันมาว่า มีชายคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์ดังกล่าว ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว บอกว่าตนเองเครียดกำลังคิดสั้นจะทำร้ายตัวเองด้วยการผูกคอฆ่าตัวตาย
เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ได้นำรูปของชายดังคนกล่าว สอบถามผู้ที่พักอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ต่างๆ จนกระทั่งทราบว่าพักอาศัยอยู่ห้อง 412 เจ้าหน้าที่จึงเร่งเดินขึ้นบันไดไปชั้น 4 กระทั่งพบห้องดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงเคาะประตูเรียกเพื่อตรวจสอบ จนมีชายที่รูปพรรณสันฐาน ตรงกับที่แจ้ง ได้แง้มประตูออกมาดูด้วยความตกใจ ระหว่างนั้นชายคนดังกล่าวพบผู้สื่อข่าว จึงขอร้องไม่ให้บันทึกภาพของตนเอง และอนุญาตให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปคุยด้วยในห้องเพียงคนเดียวเท่านั้น เวลาผ่านไปกว่า 20 นาที ชายคนดังกล่าวจึงมีท่าทีเย็นลง ก่อนจะยอมออกมาจากห้องและเดินตามเจ้าหน้าที่ลงมาด้านล่าง พร้อมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี ได้เล่าให้ฟังว่า ตนเคยทำงานขับรถ ก่อนที่จะลาออกมาเนื่องจากประสบปัญหาเรื่องส่วนตัว ประกอบกับพิษของโควิด 19 โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 2563 แม่ของตน ได้ประสบอุบัติเหตุถูกรถเก๋งเลี้ยวกลับรถในที่ห้ามกลับ จนทำให้แม่ของตนซึ่งขี่รถจักรยานยนต์มาทางตรงเบรกไม่ทัน พุ่งชนอย่างเต็มแรงได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากแม่เข้ารักษาตัวที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ นานกว่า 1 สัปดาห์ แม่เสียชีวิตลง โดยเหตุเกิดหน้าปั๊ม ปตท.ซอยประเสริฐมนูกิจ ลาดพร้าว พื้นที่รับผิดชอบ ของ สน.โคกคาม ต่อมาทราบว่าคนขับรถเก่งคู่กรณีเป็นตำรวจยศสิบตำรวจเอก สังกัดอยู่ที่โรงพักแห่งหนึ่ง ในจังหวัดปทุมธานี ที่เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ก่อนจะถูกแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ตนจึงได้นำศพแม่ของตนไปตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี ซึ่งระหว่างที่จัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ตำรวจคู่กรณี ก็เดินทางมาร่วมฟังสวดเกือบทุกคืน และพูดคุยดีเป็นปกติ หลังจากเสร็จธุระจัดงานศพให้แม่ พนักงานสอบสวนจึงนัดตนและคู่กรณี เข้าไปไกล่เกลี่ย รอบแรกตนเรียกไป 1 ล้านบาท แต่ทางคู่กรณีไม่ยอม ทำให้ไม่สามารถตกลงกันได้ กระทั่งเวลาผ่านไป ทางคู่กรณีโทรติดต่อขอจ่ายให้ 3.5 แสนบาท และอ้างว่าจะมีเงินของ พ.ร.บ.บวกเพิ่มมาให้ อีกกว่า 5 แสนบาท ตนจึงตอบตกลงโดยไม่ทราบว่ารถคู่กรณีไม่ได้ทำ พ.ร.บ.ไว้ ก่อนที่ตนจะเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และเซ็นชื่อรับข้อเสนอเงินเยียวยา 3.5 แสนบาท ตามที่ตกลง โดยคู่กรณีได้โอนมาให้เป็นงวด ซึ่งขณะนี้ได้มาแล้วสามแสนกว่าบาท
จนเวลาผ่านไปกว่า 1 ปีตนก็ยังไม่ได้รับเงินจาก พ.ร.บ.ตามคำกล่าวอ้างของคู่กรณี ตนก็เริ่มเอะใจ จึงไปค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต จนทราบความจริงว่า พ.ร.บ.ไม่สามารถจ่ายเงินตามจำนวนดังกล่าวได้ ตนจึงรีบติดต่อไปหาคู่กรณีเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่ทางคู่กรณีตอบกลับมาว่า ตนยอมเซ็นเอกสารรับเงินตามที่ตกลงต่อหน้าพนักงานสอบสวนไปแล้ว จะเอาอะไรอีก ถ้าอยากได้เพิ่มก็ให้ไปฟ้องเอา
จากเหตุดังกล่าวทำให้ตนเกิดความเครียดเนื่องจากถูกญาติตำหนิไปเสียรู้คู่กรณีที่เป็นตำรวจและรู้ช่องกฎหมาย จนทำให้หมดหนทางเนื่องจากเงินที่ได้มาก็ไม่เหลือประกอบกับอยู่ในช่วงตกงาน และไปกู้หนี้นอกระบบมาอีกแสนกว่าบาท ไม่มีเงินใช้หนี้เขา จึงคิดสั้นจะผูกคอตาย ส่วนสาเหตุที่ไลฟ์สดนั้นเพื่อต้องการประกาศให้เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ ที่ตนไปกู้มา กว่า 1 แสนบาททราบ กระทั่งไม่รู้ว่ามีอะไรมาดลใจไม่ตนทำ ประกอบกับ กลัวว่าถ้าตนตายไปว่าจะทำให้เจ้าของอพาร์ทเมนท์เดือดร้อน จึงนั่งไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ก่อนเจ้าหน้าที่มาเคาะประตูเรียก
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ตนจะเข้าไปร้องขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงยุติธรรม และอยากวอนขอความช่วยเหลือจากทนายหรือคนที่รู้กฎหมาย มาให้คำปรึกษาตนเองเพื่อหาช่องทางฟ้องร้องในคดีดังกล่าว