หมอศิริราช เล่าชีวิตผู้ป่วยโควิด ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จิตใจย่ำแย่ ต่อต้านการรักษา

หมอศิริราช เล่าชีวิตผู้ป่วยโควิด ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จิตใจย่ำแย่ ต่อต้านการรักษา

หมอศิริราช เล่าชีวิตผู้ป่วยโควิด ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จิตใจย่ำแย่ ต่อต้านการรักษา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “นิธิพัฒน์ เจียรกุล” ถึง ผู้ป่วยโควิด ที่ต่างจากผู้ป่วยโรคทั่วไป ทำให้การรักษายากกว่า พร้อมเผยอาการ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ที่ยังทรงตัว ไม่ต่างจากเมื่อวาน โดยระบุว่า

“อาการท่านผู้ว่าวันนี้ ยังทรงตัว ไม่มีอะไรเพิ่มเติม จากเมื่อวานมากนัก

ผู้ป่วยโควิด ต่างจากผู้ป่วยโรคติดเชื้อทั่วไป เนื่องจากเป็นเชื้ออุบัติใหม่ ที่คนยังไม่รู้จักดี ทำให้กลัวว่าถ้าติดแล้ว จะเกิดโรครุนแรง จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ทำให้ผู้ป่วยโควิด เกิดความแปลกแยก จากสังคมรอบข้าง ทั้งช่วงที่อยู่ในโรงพยาบาล และหลังกลับเข้าสู่ชุมชนแล้ว

โดยช่วงอยู่โรงพยาบาล จะมีการจำกัดการเข้าเยี่ยม วางแผนให้การรักษาพยาบาล เท่าที่จำเป็น เพื่อลดความเสี่ยงบุคลากร ใช้พูดคุยกับบุคลากร ผ่านสื่อต่าง ๆ แทนการพูดคุยกันต่อหน้า จำกัดการเข้าเยี่ยมของญาติ หรือไม่ให้เข้าเยี่ยม ถ้าไม่จำเป็น

ยิ่งถ้าป่วยวิกฤติด้วยแล้ว เรียกว่า แทบจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง เหตุนี้ ช่วยส่งเสริมทำให้ ผู้ป่วยโควิด พลุ่งพล่าน ต่อต้านการรักษามากขึ้น ทำให้ระยะเวลาการรักษาให้ดีขึ้น ทอดเวลาออกไป อีกทั้งผลการรักษา ก็อาจออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจของผู้ป่วย

ใกล้เคียงกับที่พ่อเมืองสาครล้มเจ็บ มีผู้ป่วยโควิดรายหนึ่ง จากมหาชัย อาการหนักจนต้องส่งต่อมารักษาที่ศิริราช เดิมเคยมีโรคไตเรื้อรัง เตรียมการล้างไตอยู่แล้ว แต่เนื่องจากฐานะยากจน จึงขอผัดผ่อนออกไปก่อน จนกระทั่งล้มป่วย ครั้งนี้โควิดทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันเพิ่มขึ้น จนต้องให้การรักษาด้วยการล้างไตฉุกเฉิน

หลังจากถอดเครื่องช่วยหายใจออกได้แล้ว และค่อย ๆ ลดการใช้ออกซิเจนลง เขาบ่นคิดถึงบ้านบ่อย ๆ แต่ทีมงานก็ช่วยได้แค่การพูดคุยเท่าที่ทำได้ ตอนที่เข้าไปใน ห้องปลอดเชื้อ ของผู้ป่วย ถ้าว่างก็จะโทรศัพท์แจ้งลูกเป็นบางครั้ง เพราะตัวลูกเขาเอง ต้องลำบากในการหาเลี้ยงปากท้องช่วงนี้อยู่แล้ว

เมื่อวานพอมีเวลาว่าง จึงร้องขอไปที่เหล่ากาชาดสมุทรสาคร ทางนั้นตอบรับอย่างว่องไว และได้จัดหาโทรศัพท์มาให้ผู้ป่วยไว้คุยกับญาติโดยตรง จาก ห้องปลอดเชื้อ ที่ต้องแยกตัวเองอยู่ และยังช่วยรับปาก เตรียมสนับสนุนผู้ป่วย ถ้าย้ายกลับสมุทรสาคร ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายการล้างไตต่อเนื่อง และค่าใช้จ่ายอื่น

วันนี้สังเกตจากภายนอกห้อง ขณะที่เขาดูทีวีไป และล้างไตไป สีหน้าค่าตาเขาดูแจ่มใส แววตาดูมีความหวังขึ้นมาก คงมองไปไกลถึงการได้กลับบ้าน ที่มนุษย์ทุกคนรักและห่วงหา ไม่ว่าบ้านนั้นจะเล็กเท่ารังหนู หรือใหญ่ดั่งเวียงวัง รวมถึงการกลับไปต่อสู้ชีวิต หลังโควิด ที่ยังต้องดำเนินไปอีกยาวไกล

การแผลงฤทธิ์ของโควิด ต่อโรงพยาบาลในสมุทรสาคร ช่างรุนแรง แม้ช่วงนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ ที่เป็นแรงงานต่างชาติ จะอยู่ในโรงพยาบาลสนาม แต่ผู้ป่วยคนไทย ที่จำนวนลดลง และผู้ป่วยแรงงานต่างชาติ ที่มีอาการมาก จะถูกรักษาในโรงพยาบาลหลัก

ประกอบกับผู้ป่วยอื่น ของโรงพยาบาลช่วงนี้ ต้องมีการคัดกรองโควิดอย่างเข้มงวด ทำให้โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ในสมุทรสาคร ที่มีงานล้นมือ เกิดความขาดแคลน เครื่องช่วยหายใจ

เมื่อได้รับแจ้ง จากกลุ่มไลน์ผู้ใจบุญ ที่คอยสนับสนุนวัสดุ และสิ่งของเครื่องใช้ ในโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ และโรงพยาบาลหลัก ที่ต้องรับผิดชอบโรงพยาบาลสนาม ได้ประสานงาน จัดเตรียมเครื่องช่วยหายใจ ที่ยังพอจัดสรรให้ได้ 3 ตัว

ปัญหาว่า มันเป็นการให้ยืมของข้ามหน่วยงาน ต้องได้รับอนุมัติจากหัวหน้าใหญ่ (ก็คนที่คอยแถลงข่าวทางการ ความคืบหน้าพ่อเมืองสาครนั่นแหละ) ในใจแอบคิดว่าถ้าไม่ให้จริง ๆ จะหาทางหลบเลี่ยงอย่างไรได้บ้าง พอเอ่ยปากแจ้ง ไม่ทันขาดคำ ท่านตอบกลับมาทันทีว่า “ถ้าของเราพอใช้ แบ่งให้เขาไปทำประโยชน์ ต่อผู้ป่วยที่จำเป็นดีแล้ว ผมรับผิดชอบทั้งหมดเอง”

หัวใจมันพอง และฮึกเหิมขึ้นมาพลัน ใครมีหัวหน้าหน่วยงานแบบนี้ คงยินดีภักดีองค์กร ไม่เสื่อมคลาย รีบไปช่วยคนไกลที่เขารอเราอยู่เลยนะ เจ้าเครื่องช่วยหายใจ พอส่งออกไปตอนเย็น ยังไม่ทันไร ค่ำนี้ ได้รับแจ้งว่า เครื่องได้ถูกนำไปใช้งานแล้ว"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook