คณะทำงานไบเดนเผย ชุมชนที่ได้รับผลกระทบหนักจากโควิด-19 ควรได้รับวัคซีนก่อน
ดร.มาร์เซลลา นูเนซ-สมิธ ประธานคณะทำงานด้านความเท่าเทียมในสถานการณ์โควิด-19 ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐอเมริกา เปิดเผยในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ชุมชนที่ได้รับผลกระทบหนักจากโรคโควิด-19 ควรได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรกๆ และจากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่ามีการแบ่งแยกทางเชื้อชาติในหมู่ผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศ
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา CNN ได้วิเคราะห์ข้อมูลจาก 14 รัฐ และพบว่า คนผิวขาวได้รับวัคซีนมากเป็น 2 เท่าของค่าเฉลี่ย ซึ่งมากกว่าจำนวนของคนผิวดำและชาวลาติน นอกจากนี้ นูเนซ-สมิธ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการยอมรับวัคซีนและอยู่ที่ว่าคนเหล่านั้นอยู่ใกล้กับสถานที่ฉีดวัคซีนหรือไม่
“เราต้องทำให้วัคซีนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งนั่นเป็นหลักการสำคัญของแผนการระดับชาติของประธานาธิบดีไบเดน และเมื่อประชาชนไม่สามารถเดินทางไปยังสถานที่ฉีดวัคซีนแห่งใหม่ได้ เราก็ต้องนำวัคซีนไปให้พวกเขา และวัคซีนจะต้องฟรีด้วย” นูเนซ-สมิธกล่าว
สำหรับประเด็นเรื่องการแบ่งแยกเชื้อชาติ นูเนซ-สมิธระบุว่า ที่ผ่านมายังไม่มีใครเจาะลึกถึงรากของปัญหาหรือแรงผลักดันด้านโครงสร้างของสังคม
นับตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาดใหญ่ จำนวนของคนผิวดำ ชาวลาติน และชนพื้นเมืองอเมริกัน ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มีสัดส่วนที่ไม่สมดุลกับคนผิวขาว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การแบ่งแยกเช่นนี้เกี่ยวข้องกับคุณภาพในการรักษาพยาบาล อาหารที่มีประโยชน์ รวมทั้งอากาศและน้ำที่สะอาด
นูเนซ-สมิธ กล่าวว่า “เมื่อเราเห็นว่ามีการแบ่งแยกเชื้อชาติในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ต้องดูว่าอะไรที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ รวมถึงปัจจัยที่ทำให้การติดเชื้อรุนแรง ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ก็เชื่อมโยงกับปัจจัยทางสังคมที่แฝงอยู่”
โรคระบาดใหญ่ทำให้สถานการณ์ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพแย่ลงกว่าเดิม นูเนซ-สมิธ กล่าวว่า สหรัฐฯ จึงจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นว่า โอกาสในการเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีจะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรม