ผลสอบทุจริตครุภัณฑ์แพทย์ยันนักการเมืองเอี่ยว

ผลสอบทุจริตครุภัณฑ์แพทย์ยันนักการเมืองเอี่ยว

ผลสอบทุจริตครุภัณฑ์แพทย์ยันนักการเมืองเอี่ยว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เผยผลการตรวจสอบเบื้องต้นโครงการไทยเข้มแข็งสธ. พบมีบางรายการต้องปรับ เช่น การสร้างอาคารที่มีแบบแปลนมาตรฐาน  รายการครุภัณฑ์ที่พื้นที่ต้องการจริง

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มี นพ.เสรี หงษ์หยก เป็นประธาน มีข้อสรุปเบื้องต้นว่า ในกรณีที่มีความบกพร่องหรือไม่เหมาะสม พบ 1 มีการจัดสรรครุภัณฑ์ไม่ตรงกับความต้องการในบางรายการ โดยไม่มีคำขอแต่มีการจัดสรรให้ เช่น เครื่องทำลายเชื้อโรค (ยูวีแฟน) 2. มีการจัดสรรที่ไม่เหมาะสมกับการใช้ประโยชน์ ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น เช่น เครื่องดมยาสลบ เครื่องช่วยหายใจ 3.กรณีเครื่องตรวจสารเคมีในเลือด บางรายการไม่มีความจำเป็นต้องจัดซื้อ เนื่องจากมีการให้บริการที่คุ้มค่ากว่าการจัดซื้อ และไม่ต้องใช้งบประมาณในการดูแลรักษา

นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ส่วนสิ่งก่อสร้างพบว่ามีรายการที่จัดสรรงบประมาณสูงกว่ารายการที่เคยมีการจัดซื้อจัดจ้างในแบบเดียวกันจริง แต่มีเหตุผลในเรื่องวิธีการคำนวณราคา ประกอบกับระยะเวลาในการคำนวณราคาทำให้การของบประมาณสูงกว่าปกติ เช่น หอพักพยาบาล ขนาด 24 ห้อง ที่เมื่อคิดราคากลางแล้วอาจต่ำกว่าราคาตั้งงบประมาณ จึงคณะกรรมการได้เสนอให้ทบทวนและหามาตรการในการคำนวณอย่างสมเหตุสมผล โดยอาจจะมีหน่วยงานภายนอก เช่น วิศวกรรมสถาน ในการคิดราคาตั้งงบประมาณร่วมกับกองแบบแผน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.)

"สิ่งที่คณะกรรมการพบเป็นกรณีที่บกพร่องและไม่เหมาะสม ซึ่งความบกพร่องนี้อาจทำโดยเจตนา หรือด้วยความไม่รอบคอบ หรือ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ได้ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบต่อไปการดำเนินการทำให้ทราบว่ามีผู้เกี่ยวข้องแต่ต้องปฏิบัติงานตามขั้นตอนของกฎหมาย ตามระเบียบและวินัย ซึ่งจะต้องดำเนินการโดยความรวดเร็วยุติธรรม ต้องให้โอกาสชี้แจงเหตุผลก่อนคณะกรรมการจะสรุปความเห็น แล้วจึงจะสามารถเปิดเผยรายชื่อบุคคลเหล่านั้นได้ เนื่องจากเป็นเพียงผลตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ว่ามีผู้เกี่ยวข้องกี่คน และเกี่ยวข้องในประเด็นใด"นพ.ไพจิตร์ กล่าว

นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ผลการสอบขณะนี้บอกได้แต่เพียงว่า มีข้าราชการที่ยังรับราชการอยู่ในระดับผู้อำนวยการสำนักมีส่วนเกี่ยวข้อง และได้อ้างว่ามีข้าราชการเกษียณเกี่ยวข้องเช่นกัน แต่ไม่สามารถระบุชื่อได้ เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย มีการฟ้องร้องได้ เนื่องจากเป็นเพียงผลตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเท่านั้น ว่ามีผู้เกี่ยวข้องกี่คน และเกี่ยวข้องในประเด็นใด จะต้องสอบลงลึกในรายละเอียดต่อ ซึ่งผลการสอบอาจจะไม่มีความผิดก็ได้ หากมีการสอบสวนลงรายละเอียดเชิงลึก

ต่อข้อถามว่า มีผู้ที่มีความผิดเข้าข่ายต้องเรียกมาสอบสวนจำนวนกี่คน และเป็นข้าราชการประจำ ข้าราชการเกษียณอายุราชการ กี่คน ใช้เวลาในการสอบสวนเท่าใด นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย จึงไม่สามารถลงรายละเอียดได้ แต่มีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายคน ยังต้องตั้งคณะกรรมการเพื่อให้ทราบรายละเอียดว่าใครเป็นผู้กระทำผิดเชื่อว่าการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนจะใช้เวลาไม่ถึง 1-2 เดือนให้รวดเร็วที่สุด

ต่อข้อถามว่า ในการเรียกข้าราชที่เกี่ยวข้องสอบสวนมีการเปิดเผยถึงการสั่งจากนักการเมืองหรือไม่ นพ. ไพจิตร์ กล่าวว่า สื่อมวลชนคงทราบอยู่แล้ว ว่า มีผอ.ท่านหนึ่งให้ข้อมูลคณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีการบันทึกรายละเอียดการประชุมไว้เป็นหลักฐานว่ามีผู้เกี่ยวข้องเป็นนักการเมืองจริง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook