หนุ่มวัย 38 ปี ใช้รากต้นไทรผูกคอเสียชีวิต ลืออาถรรพ์ตายปริศนาแล้ว 2 ศพ

หนุ่มวัย 38 ปี ใช้รากต้นไทรผูกคอเสียชีวิต ลืออาถรรพ์ตายปริศนาแล้ว 2 ศพ

หนุ่มวัย 38 ปี ใช้รากต้นไทรผูกคอเสียชีวิต ลืออาถรรพ์ตายปริศนาแล้ว 2 ศพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มวัย 38 ปี ใช้รากต้นไทรผูกคอเสียชีวิตอย่างปริศนา ชาวบ้านลือต้นไทรอาถรรพ์ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีคนชักกระตุกตาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (1 ก.พ.) เมื่อเวลา 15.00 น. ร.ต.อ.การุณ จันทร์ดอก รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจาก นายทองปาน อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้านหนองเจ้าป่า ม.5 ต.สตึก ว่ามีคนผูกคอตายภายในวัดบ้านหนองบัวเจ้าป่า จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์เวร รพ.สตึก และเจ้าหน้าที่กู้ภัยวังกรูดสตึก

ที่เกิดเหตุบริเวณใต้ต้นไทรภายในวัดติดกับศาลพญานาค ซึ่งมีการสร้างรูปปั้นพญานาคเป็นราวบันไดเดินไปสระน้ำ เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ พบศพชายทราบชื่อ นายเรืองเดช อายุ 38 ปี ใช้รากของต้นไทรที่ย้อยลงมา ผูกคอตัวเองเสียชีวิตในท่านั่งบนม้าหินอ่อน ในสภาพไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้น

บริเวณรอบคอมีรอยถลอก ไม่พบบาดแผลตามร่างกายและร่องรอยการต่อสู้ คาดว่าเสียชีวิตมาประมาณ 2 ชม. และยังพบสุนัขพันธุ์ อเมริกันพิทบูล เพศผู้พันธุ์ลูกผสม ยืนเฝ้าและเห่าผู้ตายตลอดเวลา ทราบต่อมาสุนัขตัวดังกล่าวเป็นของผู้เสียชีวิต

สุนัขของผู้เสียชีวิตสุนัขของผู้เสียชีวิต

นายทองปาน ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นคนเห็นคนแรก เล่าว่า ช่วงบ่ายเข้ามาดูงานภายในวัด เดินมาเห็นคนนั่งอยู่ม้าหินอ่อน คิดว่ามานั่งเล่น เมื่อมาดูใกล้ๆ พบว่ามีรากไทรผูกคอ และพบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

เบื้องต้น คาดว่าผู้ตายน่าจะยืนขึ้นบนม้าหินอ่อนแล้วดึงเอารากไทรที่ห้อยอยู่มาผูกคอตัวเอง แล้วหย่อนตัวลงจนรากไทรรัดตัวเองเสียชีวิต ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ชายดังกล่าวมารับจ้างภายในหมู่บ้าน มักนำสุนัขและวิทยุมานั่งฟังเพลงภายในวัดอยู่เป็นประจำ แต่ไม่ทราบถึงสาเหตุของการผูกคอตัวเองเสียชีวิต

ผู้ใหญ่บ้าน เล่าด้วยว่า เมื่อไม่นานที่ผ่านมา ได้มีนายคำพันธ์ ชาวบ้านในหมู่บ้าน ชักกระตุกตายต่อหน้าต่อตาชาวบ้าน ขณะนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำออกเพื่อจับปลาในสระใกล้ที่เกิดเหตุ

ตอนนี้ชาวบ้านต่างเชื่อกันว่า การผูกคอตายในครั้งนี้กับการชักกระตุกตายก่อนหน้านี้ของชาวบ้าน น่าจะเกิดจากการทำผิดหรือไปทำการลบหลู่สถานที่ซึ่งมีพญานาคอาศัยอยู่

เนื่องจากวัดบ้านหนองบัวเจ้าป่า เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นถิ่นของชาวกุย (ชาวส่วย) ก่อนจะออกไปคล้องช้างที่ประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชา) ต้องทำพิธีแม่มดขอเบิกทาง เพื่อให้ชายฉกรรจ์ประจำหมู่เดินทางไปคล้องช้างดินแดนกัมพูชา ต้องใช้เวลานานกว่า 5-6 เดือน เป็นตายหรือดีก็ไม่ทราบจนกว่าจะเดินทางกลับบ้านมาพร้อมช้างป่า และนำมาเลี้ยง จนได้ชื่อว่า บ้านหนองบัวเจ้าป่า จนถึงทุกวันนี้

ราวบันไดรูปปั้นพญานาคใกล้จุดเกิดเหตุราวบันไดรูปปั้นพญานาคใกล้จุดเกิดเหตุ

ด้าน พระอธิการประสพ ศิริจัน.โท เจ้าอาวาสวัดบ้านหนองบัวเจ้าป่า กล่าวว่า ก่อนจะมีการสร้างศาลและรูปปั้นพญานาคเป็นราวบันไดอยู่ริมสระ เนื่องจากเคยเห็นรูปลักษณ์คล้ายพญานาคลอยคออยู่เหนือน้ำ นัยน์ตาแดงก่ำ จึงเดินเข้ามาดูใกล้ๆ พญานาคกลับมุดลงน้ำไป

กระทั่งมีซินแสจากบุรีรัมย์มาดูตำราบอกว่า มีองค์พญานาคประทับอยู่สระแห่งนี้ ค่อยปกปักรักษาอาณาเขตสระน้ำแห่งนี้ไว้ จึงระดมชาวบ้านได้สร้างศาลพญานาค และรูปปั้นพญานาคไว้ดูแลประจำสระน้ำแห่งนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook