พ่อ-แม่ ซาไก เศร้าสลด!

พ่อ-แม่ ซาไก เศร้าสลด!

พ่อ-แม่ ซาไก เศร้าสลด!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จ่อฟันโปรโมเตอร์ดัง "อั้งม้อ" หิ้ว "ซาไก จ๊อคกี้ยิม" บินชกญี่ปุ่น ไม่ขออนุญาติ สมท. สุดท้ายนักมวยเลือดคั่งในสมองเสียชีวิต "ชาติซ้าย" ยันผิดกฎหมายมวยชัดเจน ต้องลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่าง เตรียมนำเรื่องเสนอบอร์ดพิจารณา ขณะที่ครอบครัวนักมวยผู้เคราะห์ร้าย เศร้าสูญเสียหัวเรี่ยวหัวแรงหลัก แม่ถึงเข่าอ่อนหลังรู้ข่าวทางโทรศัพท์ วอนต้นสังกัดดูแลค่าใช้จ่าย นำร่างไร้วิญญาณกลับมาตุภูมิ คาดถึงไทย 15 ต.ค.นี้

กลายเป็นข่าวเศร้าสลดช็อกวงการมวยของไทย หลัง "ซาไก จ๊อคกี้ยิม" หรือนายสมบูรณ์ เวียงชัย วัย 20 ปี นักชกดาวรุ่งชาวไทย เดินทางไปชกมวยสากลไต่อันดับนอกรอบกับ "คาสึโยชิ นิกิ" นักชกเจ้าถิ่นชาวญี่ปุ่น ที่เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ในพิกัดน้ำหนัก 120 ปอนด์ เมื่อวันจันทร์ที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยการชกเป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งสองฝ่ายเดินแลกหมัดกันแบบใครดีใครอยู่ตลอดทั้ง 10 ยก ก่อนที่นักชกชาวไทยจะถูกกรรมการจับแพ้ทีเคโอในยกสุดท้าย เพราะไม่อยู่ในสภาพที่จะชกต่อได้ และหลังลงจากเวทีก็เกิดเป็นลมล้มฟุบภายในห้องพัก จนฝ่ายผู้จัดการแข่งขันต้องรีบนำตัวส่งรพ.ฟูกูโอกะ ทันที หลังนอนสลบอยู่นาน 3 ชั่วโมง โดยแพทย์พยายามปั๊มหัวใจยื้อชีวิตอย่างเต็มที่ สุดท้ายซาไกก็สิ้นใจลงในเวลา 20.00 น. วันเดียวกัน ตามเวลาในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งแพทย์ระบุว่าเกิดเลือดคั่งในสมอง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 ต.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของซาไก ที่บ้านโนนทรายฟอง ต.นาม่วง อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ พบนายกลิ้ง เวียงชัย อายุ 62 ปี และนางปุ๋ย เวียงชัย อายุ 60 ปี พ่อและแม่ของซาไก นั่งซึมอยู่ในอาการโศกเศร้า เพราะยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของลูกชาย โดยมีบรรดาญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านมาคอยปลอบประโลมใจ และหารือถึงการจัดงานศพ ขณะที่นางปุ๋ยนำภาพถ่ายจากหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นผลงานของลูกชายในการแข่งขัน ที่ชกชนะน็อก "โจอิชิโร่ ทัตสึโยชิ" อดีตแชมป์โลกซูเปอร์สตาร์ชาวญี่ปุ่น ในยกที่ 7 เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่เวทีราชดำเนิน ซึ่งใส่กรอบรูปไว้มาโชว์ให้ดูอย่างภูมิใจ

นางปุ๋ยกล่าวทั้งน้ำตาว่า ซาไกหรือชื่อเล่นว่า "เจ้าเงาะ" เป็นลูกคนเล็กในจำนวนลูกทั้งหมด 5 คน เมื่อ 8 ปีก่อน ลูกชายคนโตก็ต้องมาจบชีวิตลงจากอุบัติเหตุ "เมื่อคืนตอนทางค่ายมวยต้นสังกัดของลูกชายโทรฯ มาบอกว่าลูกตายแล้ว ฉันถึงกับเป็นลมเข่าอ่อน ไม่นึกว่าลูกชายคนนี้ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ต้องมาด่วนจากไป ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าจะชกมวยเก็บเงินสักก้อนมาให้แม่สร้างบ้านให้เสร็จเสียที แต่ความฝันก็พังทลายลง แต่ก็เทียบไม่ได้กับการสูญเสียลูกชายไปอย่างไม่มีวันกลับ"

แม่นักชกผู้เคราะห์ร้าย ยังกล่าวว่า ครอบครัวมีอาชีพรับจ้างทำนา ฐานะยากจน ที่ผ่านมาซาไกเป็นเด็กดี กตัญญู ชกมวยได้ก็ส่งเงินมาให้ทางบ้านเดือนละ 2,000 บาท โดยเริ่มชกมวยตั้งแต่อายุ 13 ปี อาศัยเวทีตามงานวัด ได้ค่าตัว 150 บาท พอเรียนจบชั้น ป.6 ก็หันมายึดอาชีพชกมวยหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด อยากฝากให้ผู้เกี่ยวข้อง และทางค่ายมวยต้นสังกัด ช่วยนำศพลูกชายกลับบ้านเกิดเพื่อมาประกอบพิธีทางศาสนา และช่วยเหลือดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย เพราะครอบครัวยากจน ออกค่าใช้จ่ายนำศพลูกชายกลับมาให้ที่บ้าน เพื่อจะนำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

อย่างไรก็ดี ทันทีที่เสียชีวิต นายชูเจริญ รวีอร่ามวงศ์ หรือ "อั้งม้อ" โปรโม เตอร์มวยชื่อดัง เวทีราชดำเนิน ผู้ดูแลจัดการชกให้ซาไก และนายสมมาตร หงสกุล หัวหน้าคณะจ๊อคกี้ยิม ต้นสังกัดของซาไก ยืนยันว่าซาไกฟิตซ้อมเต็มที่ และอยู่ในสภาพพร้อมชก ก่อนการชกแพทย์ได้ตรวจร่างกายอย่างละเอียด และยืนยันว่าสภาพร่างกายดีมาก การเสียชีวิตครั้งนี้น่าจะเป็นผลพวงมาจากการโดนหมัดของคู่ชกชาวญี่ปุ่นที่ไล่ถลุงอย่างหนัก แต่นักมวยไทยก็ใจเกินร้อยสู้ไม่ยอมถอย ขณะที่ นายโคชิโมโต้ โปรโมเตอร์ชาวญี่ปุ่น ผู้จัดการชกครั้งนี้ ก็ออกมาแสดงความรับผิดชอบ โดยพร้อมจะดูแลเรื่องการส่งศพนักชกไทยกลับมาตุภูมิ และค่าใช้จ่ายทุกอย่าง สำหรับศพของนักชกผู้นี้ คาดว่าจะถูกนำกลับประเทศไทยในวันที่ 15 ต.ค.นี้

ด้าน นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ หรือ "ชาติซ้าย" นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย (สมท.) เปิดแถลงข่าวที่ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ถึงเรื่องดังกล่าวว่า สมท.เป็นองค์กรมวยอาชีพเพียงแห่งเดียวที่รัฐบาลให้การรับรอง เพื่อควบคุมกีฬามวยอาชีพในประเทศไทย ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตามพ.ร.บ.มวย นักมวยที่จะไปชกต่างประเทศต้องมาขออนุญาตกับ สมท. ให้ฝ่ายวิทยาศาสตร์ของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ตรวจสภาพร่างกายว่ามีความพร้อมหรือไม่ เพื่อรักษาชื่อเสียงในกีฬามวยอาชีพของประเทศ เพราะหากนักมวยไม่ฟิต นอกจากมีโอกาสพ่ายแพ้สูงแล้ว ยังมีอันตรายมากด้วย และเรื่องนี้ก็ประชาสัมพันธ์กันมานานแล้ว "กรณีของ ซาไก โปรโมเตอร์อั้งม้อ ไม่ได้มาขออนุญาต สมท. เป็นการทำผิดกฎหมาย หรือ พ.ร.บ.มวย ชัดเจน เมื่อนักมวยเสียชีวิต ผมเห็นว่าควรจะมีบทลงโทษให้เป็นแบบอย่าง พ.ร.บ.มวย มีบทลงโทษชัดเจนอยู่แล้ว ตั้งแต่ขั้นเบาถึงหนัก ทั้งยึดใบอนุญาตการเป็นโปรโมเตอร์ ห้ามจัดมวย 6 เดือน หรือ 1 ปี ห้ามนำนักมวยไปชกต่างประเทศ 1 ปี หรือ 2 ปี ผมจะประชุมกับคณะกรรมการกีฬามวยของการกีฬาแห่งประเทศไทยอีกครั้งเพื่อหาบทลงโทษที่เหมาะสมต่อไป"

นายกชาติซ้าย ยังกล่าวอีกว่า ปกติหากนักมวยชกแล้วเสียชีวิต คณะกรรมการกีฬามวยจะมอบเงินช่วยเหลือให้ 1 แสนบาท แต่กรณีของซาไก เป็นการทำผิดระเบียบ ต้องพิจารณากันอีกทีว่าจะหาทางออกและช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง โดยตนจะนำเรื่องเข้าที่ประชุม บอร์ด กกท. พิจารณาในวันที่ 19 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา โปรโมเตอร์มักนำนักมวยไปชกต่างประเทศ โดยไม่ผ่าน สมท. มีการหลีกเลี่ยงกันมาก เพราะกลัวนักมวยไม่ผ่านการตรวจสอบ จะอดไปชก อดได้เงินค่าจ้าง การหนีไปชกแบบนี้ จะทำวีซ่าท่องเที่ยว ไม่ใช่วีซ่านักกีฬา หรือเวิร์คเพอร์มิต ทำให้คณะกรรมการมวยของประเทศนั้นๆ ตรวจสอบไม่ได้ ซึ่งทาง สมท. จะประสานกับองค์กรมวยแต่ละประเทศอย่างจริงจังในเรื่องการตรวจสอบใบรับรอง รวมทั้งจะเสนอให้ใช้ พ.ร.บ.มวย อย่างเข้มข้นจริงจัง.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook