ฝนเทกระหนํ่ากรุงจราจรเป็นอัมพาต

ฝนเทกระหนํ่ากรุงจราจรเป็นอัมพาต

ฝนเทกระหนํ่ากรุงจราจรเป็นอัมพาต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฝนถล่มทั่วเมืองกรุง การจราจรติดขัดนิ่งเป้นอัมพาต ถนนหลายสายจมใต้บาดาล

ฝนเท่กระหนำเมืองหลวง จราจรเป็นอัมพาตทั้งเมือง ถนนวิภาวดี-พหลโยธิน-ลาดพร้าว-สุขุมวิท รถติดยาวเหยียด ศรีนครินทร์-บางนา วิกฤติจมบาดาล พบปริมาณฝนสะสมถึง 148 มิลลิเมตร อุตุฯ เตือน 9 จว.รับมือฝนตกหนักน้ำท่วม "สุขุมพันธุ์" โยนกรมทางหลวง ทำถนนแต่ไม่ทำท่อ ออกโรงขอโทษประชาชน โปลิศแจกโบนัส งดแจกใบสั่งวันตำรวจ แต่ตั้งด่านตักเตือนแทนยกเว้นข้อหาเมาและแข่งรถ

เมื่อวันที่ 13 ต.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศพบ หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคกลาง ภาคตะวันออก และด้านตะวันตกของภาคเหนือ มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดตาก อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และกรุงเทพมหานครรวมทั้งปริมณฑล ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนที่ตกหนักอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันในระยะ 1-2 วันนี้ ไว้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดจนถึงเช้า ได้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่งผลถนนหลายสายหลัก ๆ เช่น ถนนวิภาวดีรังสิตทั้งขาเข้า-ขาออก พหลโยธิน ลาดพร้าว สุขุมวิท ศรีนครินทร์ และบางนา การจราจรติดขัดในช่วงเวลาเร่งด่วนตลอดสายทำให้บรรดาคนทำงานต่าง ไปทำงานไม่ทันจำนวนมาก อย่างไรก็ดีการจราจรเริ่มคลี่คลายในช่วงเที่ยง ขณะที่ถนนหลายสายมีน้ำท่วมขังบริเวณพื้นผิวการจราจร โดยเฉพาะบนถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ โดยเฉพาะช่วงสี่แยกอ่อนนุชถึงหน้าวัดศรีเอี่ยมมีน้ำท่วมขังถนนทั้งฝั่งขา เข้า-ขาออก ทุกช่องจราจร มีรถยนต์จอดเสียจำนวนมาก ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ กทม.ต้อง จัดหน่วยฉุกเฉินเข้าช่วยเหลือรถยนต์ที่จอดเสีย และเร่งระบายน้ำออกเป็นการใหญ่

นายเมธี มหายศนันท์ หัวหน้าเวรพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงสาเหตุที่กรุงเทพฯมีฝนตกตลอดทั้งวันเมื่อ วันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า เป็นผลมาจากหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวไทยได้พัดเคลื่อนเข้ามาปกคลุม บริเวณภาคกลาง จึงทำให้มีฝนตกร้อยละ 80 ของพื้นที่และมีฝนตกชุกหนาแน่นและฝนตกหนักบริเวณจังหวัดภาคกลาง ในส่วนของกรุงเทพฯจะมีฝนตกถึงร้อยละ 90 ของพื้นที่ โดยลักษณะอากาศจะเป็นเช่นนี้อีก 1-2 วัน โดยในวันที่ 14 ต.ค. กทม.จะยังมีฝนตกร้อยละ 60 ของพื้นที่

ด้าน พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง บช.น. ดูแลงานจราจร พร้อม พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.จร.นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกลางตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรบนถนน กำแพงเพชร 2 บริเวณหน้าสถานีขนส่งหมอชิต 2 ซึ่งการตั้งด่านวันนี้จะเรียกจับรถที่กระทำผิดกฎจราจรมาตักเตือน โดยไม่มีการออกใบสั่ง แต่จะแจกพัดรณรงค์ลดอุบัติเหตุจราจรแทน เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจกับประชาชน เนื่องในวันตำรวจ พล.ต.ต.ภาณุ เปิดเผยว่า จากการตั้งด่านวันนี้พบการกระทำผิดกฎจราจรเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้ว่ากล่าวตักเตือนไปแล้ว อย่างไรก็ตามการตั้งด่านวันนี้จะอนุโลมเฉพาะข้อหาที่ออกใบสั่ง ส่วนข้อหาที่ต้องส่งฟ้องศาล เช่น เมาขณะขับขี่ และข้อหาแข่งรถ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไม่มีการยกเว้น

พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวต่อว่า หลังจากที่มีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดอย่างหนักโดยเฉพาะในช่วงเช้าของวันที่ 13 ต.ค. โดยจุดที่เป็นปัญหาหนัก ได้แก่ บนถนนพหลโยธิน ขาเข้าตั้งแต่หน้าธนาคารทหารไทย สำนักงานใหญ่ มีน้ำท่วมขังที่ผิวจราจรทำให้รถประจำทางเข้าป้ายไม่ได้ ส่งผลให้รถชะลอตัว มีท้ายสะสมลามไปถึงถนนลาดพร้าวขาเข้า ถนนวิภาวดีขาเข้า พันไปบนถนนรัชดาภิเษก ทำให้รถที่มาจากฝั่งธนบุรีข้ามสะพานพระราม 7 เข้าแยกวงศ์สว่าง แยกประชานุกูลติดขัดอย่างหนัก บนถนนพญาไทหน้าสถาบันกวดวิชาแยกพญาไท มีรถรับส่งนักเรียนเป็นจำนวนมาก ทำให้มีท้ายแถวสะสมถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นอกจากนี้ในจุดที่มีการก่อสร้าง ได้แก่บริเวณหน้าศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แยกบางพลัด แยกพงษ์เพชร ก็มีปัญหา

ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อม คณะได้ลงพื้นที่ตรวจสภาพน้ำท่วมบริเวณพื้นที่เขตบางนา จากบริเวณหน้าห้างเซ็นทรัล บางนา ถนนบางนา-ตราดขาออก จากนั้น ขึ้นรถกระบะตรวจสภาพน้ำท่วม ถนนศรีนครินทร์ จากหน้าวัดศรีเอี่ยมจนถึงหน้าห้างซีคอนสแควร์ โดยระดับน้ำท่วมขัง สูงประมาณ 30 ซม. เนื่องจากมีฝนตกหนักต่อเนื่องยาวนานตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีน้ำท่วมขัง เป็นวงกว้าง ประชาชนต่างเดินลุยน้ำท่วมซึ่งสูงระดับเข่าออกไปทำงานอย่างลำบาก

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจมากและกราบขออภัยชาว กทม. ที่เกิดฝนตกหนักจนไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน โดยฝนที่ตกต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงเช้าวันนี้มีปริมาณฝนตก สะสมถึง 148 มิลลิ เมตร จนทำให้ถนนศรีนครินทร์ และถนน บางนา-ตราด เกิดน้ำท่วมขัง ซึ่ง กทม. จะเร่งระบายน้ำลงคลองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยสถานีสูบน้ำคลองตาช้างจะสูบน้ำลงคลองประเวศ ส่วนสถานีสูบน้ำคลองขวางสูบน้ำลงบึงหนองบอน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง ระบายน้ำที่ท่วมบนผิวจราจรได้และกลับเข้าสู่สภาพปกติในช่วงเย็นของวันนี้ สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาว กทม.จะแก้ไขอย่างเป็นระบบ โดยจะเร่งรัดโครงการก่อสร้างปรับปรุงถนนศรีนครินทร์ จากบริเวณแยกถนนพัฒนาการถึงถนนสุขุมวิท 103 ซึ่งจะมีการปรับปรุงถนนและทำท่อระบายน้ำให้มีมาตรฐาน หลังจากที่ กทม.ได้รับโอนพื้นที่จากกรมทางหลวงชนบทแล้ว

ด้านนายชาตินัย เนาวภูต ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กล่าวว่า โครงการก่อสร้างปรับปรุงถนนศรีนครินทร์ จากบริเวณแยกถนนพัฒนาการถึงถนนสุขุมวิท 103 งบประมาณ 800 ล้านบาท เป็น 1 ในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ 16 โครงการ ที่ดำเนินการตั้งแต่ปี 48 แต่มีปัญหาถูกตรวจสอบเรื่องการทุจริตจนต้องล้มประมูลใหม่ จากนั้นสำนักการโยธาได้เปิดประกวดราคาไปแล้วในปี 51 และสุดท้ายต้องยกเลิกสัญญาตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อเดือน มิ.ย. 52 ที่มีมติเห็นชอบให้ช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพก่อสร้างที่ทำสัญญากับทางราชการ และได้รับผลกระทบจากการปรับราคาของวัสดุก่อสร้างและค่าขนส่ง ซึ่งล่าสุดได้รับการอนุมัติโครงการแล้ว

ส่วนที่ จ.กาญจนบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนที่ตกหนักติดต่อกันมาหลายวัน ได้เกิดน้ำป่าจากบ้านทุ่งกระบ่ำ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ ซึ่งเป็นพื้นที่สูงไหลบ่าเข้า ท่วมพื้นที่ใน ต.หนองโสน ต.เลาขวัญ และ ต.หนองประดู่ ส่งผลให้น้ำได้ไหลผ่านถนนในหลายสาย ทำให้ได้รับความเสียหาย พืชไร่เสียหายจำนวนมาก ซึ่งในแต่ละพื้นที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากน้ำป่าได้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ล่าสุดน้ำป่าได้ไหลบ่าเข้า ท่วมพื้นที่เทศบาลตำบลสระลงเรือ อ.ห้วยกระเจ้า ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับ อ.เลาขวัญ ส่งผลให้พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ทางอำเภอห้วยกระเจาและ เทศบาลสระลงเรือ ต้องใช้รถแบ๊กโฮ ขุดทางเดิน น้ำเพื่อให้น้ำไหลบ่าว่าเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรน้อยที่สุด ส่วนที่อ่างเก็บน้ำแม่มอก ต.เวียง มอก อ.เถิน จ.ลำปาง ได้ปล่อยกระแสน้ำล้นสปริงเวย์ ทำให้ชาวบ้านจับปลาบึกขนาด 100 กก. ได้ จึงนำไปชำแหละขายในตลาดสดเขตเทศบาล สร้างรายได้อย่างดี

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนว่า ทางการจีนรายงานว่า มีชาวประมงเสียชีวิตไป 3 ศพ จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน "ป้าหม่า" พัดกระหน่ำมณฑลไห่หนานทางตอนใต้ของจีนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดฝนตกหนักและกระแสลมแรง เรือประมงลำหนึ่งเกิดอับปางนอกชายฝั่งเมืองหวานหนิง ลูกเรือประมงทั้งหมด 9 คน พลัดตกจากเรือ หน่วยกู้ภัยช่วยเหลือขึ้นมาจากน้ำได้ 5 คน และยังสูญหายอีก 1 คน สำนักงานอุตุนิยมวิทยามณฑลไห่หนานรายงานด้วยว่า พายุโซนร้อนป้าหม่าขึ้นฝั่งเมืองบริวาร ลองกุน ของเมืองหวานหนิงเมื่อเวลา 09.50 น. เช้าวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 54 กม.ต่อชม. และกำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 15 กม.ต่อชม.

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook