เปิดใจนักศึกษาเหยื่อกราดยิงโคราช รักษาตัวนาน 6 เดือน ดีใจกองทัพบกไม่ทอดทิ้ง

เปิดใจนักศึกษาเหยื่อกราดยิงโคราช รักษาตัวนาน 6 เดือน ดีใจกองทัพบกไม่ทอดทิ้ง นัดสัมภาษณ์เข้ารับราชการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา ทหารกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22  กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา ได้คลุ้มคลั่งก่อเหตุใช้อาวุธสงครามกราดยิงประชาชนกลางเมืองนครราชสีมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่  8-9 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมานั้น  แม้จะเป็นเวลาเกือบครบ 1 ปีเหตุกราดยิง แต่เชื่อว่าภาพเหตุการณ์ยังคงติดตา และฝังอยู่ในความทรงจำของชาวโคราชคนไทยทั้งประเทศ

ขณะที่หลายหน่วยงานได้ยื่นมือมาเยียวยาผู้ประสบเหตุและช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิต ซึ่ง นายสิทธิศักดิ์ วาดโคกสูง นักศึกษา ระดับ ม.ปลาย กศน.อำเภอเมืองนครราชสีมา ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์กราดยิง โดยหลังจากถูกยิงบาดเจ็บที่ท้องและขา  ได้เข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนที่ รพ.เซ็นเมรี่ แต่อาการสาหัสต้องส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ใช้เวลากว่า 6 เดือนอาการจึงจะดีขึ้น ขาหายเป็นปกติ แต่ก็ทิ้งร่องรอยบาดแผลเอาไว้ย้ำเตือนความทรงจำ

ปัจจุบัน นายสิทธิศักดิ์ใกล้จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนนครราชสีมา ในสิ้นเดือนธันวาคม 2564 มีอาชีพเกษตร หลังจากที่ได้รับเงินเยียวยาได้นำมาต่อยอดในการสร้างอาชีพเลี้ยงหนูนา และเลี้ยงแพะ ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากการรักษาตัว

นายสิทธิศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากรักษาตัว ตอนนี้หายเป็นปกติและใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว เหลือแต่รอยแผลเป็น ที่คอยย้ำเตือนให้ยังนึกถึงเหตุการณ์กราดยิงอยู่เสมอ แต่พ่อแม่ก็ให้กำลังใจ พร้อมทั้งเพื่อนๆ ก็พาไปทำบุญหลายแห่ง เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจให้ดีขึ้น ส่วนเรื่องการเยียวยามีหน่วยงานหลายภาคส่วนเข้ามาช่วยเหลือ รวมไปถึงเรื่องการประกอบอาชีพ ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้รับปากว่า จะให้การช่วยเหลือ โดยเหยื่อหรือญาติของเหยื่อกราดยิงคนใดไม่มีงานทำ ก็พร้อมจะช่วยหางานให้อย่างเต็มที่

โดยล่าสุดได้ติดต่อให้ไปพูดคุยรายละเอียดที่ โรงพยาบาลค่ายสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ในวันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่จะถึง ซึ่งรู้สึกดีใจอย่างมากที่จะได้ทำงานในราชการ เพราะจะได้มีอาชีพที่มั่นคง และมีสวัสดิการดูแลครอบครัวด้วย ตอนนี้ ยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่  น้องชาย 2 คน และภรรยากับลูกชาย ระหว่างที่รอบรรจุงานจากกองทัพ ได้เอาเงินที่เหลือจากการเยียวยาช่วยเหลือมาลงทุนเพาะเลี้ยงหนูนาไว้ขายในช่วงโควิด-19 ระบาด เพื่อให้มีรายได้มาดูแลตนเองและครอบครัว จะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้กับคนอื่น