รัสเซียตะเพิดทูตสวีเดน-เยอรมนี-โปแลนด์ พ้นประเทศ เชื่อเหตุร่วมม็อบ
เมื่อวันศุกร์ (5 ก.พ.) กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย เปิดเผยว่ารัสเซียตัดสินใจขับไล่คณะนักการทูตของสวีเดน เยอรมนี และโปแลนด์ ซึ่งมีส่วนร่วมในการกระทำอันผิดกฎหมายของประเทศ
แถลงการณ์จากกระทรวงฯ ระบุว่าเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรสวีเดน อุปทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ และนักการทูตของสถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ถูกเรียกตัวมารับหนังสือประท้วงกรณีเจ้าพนักงานการทูตมีส่วนร่วมกระทำผิดกฎหมายเมื่อวันที่ 23 ม.ค.
เจ้าพนักงานการทูตกลุ่มดังกล่าวถูกประกาศให้เป็น “บุคคลที่ไม่พึงปรารถนา” (persona non gratae) ตามบทบัญญัติของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต (Vienna Convention on Diplomatic Relations) ฉบับลงวันที่ 18 เม.ย. 1961
"อย่างไรก็ดี กระทรวงฯ แสดงความหวังว่าภารกิจการทูตในอนาคตของสหราชอาณาจักรสวีเดน สาธารณรัฐโปแลนด์ และสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี รวมถึงบุคลากรที่เกี่ยวข้องจะ ปฏิบัติตามบรรทัดฐานของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด" แถลงการณ์ระบุ
ในเวลาต่อมา นายมิเกล เบอร์เกอร์ ปลัดกระทรวงต่างประเทศของเยอรมนี ได้เรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียเข้าพบเป็นการด่วน หลังรัสเซียสั่งขับนักการทูตชาติยุโรป 3 คนออกนอกประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นนักการทูตเยอรมนี จากกรณีกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการชุมนุมประท้วงเพื่อสนับสนุน นายอเล็กซี นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซีย ที่ถูกคุมขัง
ขณะที่นายกรัฐมนตรีอังเกลา เมร์เคล ของเยอรมนี ตำหนิการกระทำดังกล่าวของรัสเซียว่า ไม่สมเหตุสมผล และ เป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่ารัสเซียนั้นยังห่างไกลจาก หลักนิติธรรม
ทั้งนี้รัสเซียระบุว่าการชุมนุมประท้วงซึ่งไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่เมือง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา มีนักการทูตเยอรมนี สวีเดน และโปแลนด์ เข้าร่วมด้วย โดยรัสเซียมีคำสั่งให้เนรเทศนักการทูตเหล่านี้และให้เดินทางออกนอกประเทศโดยเร็วที่สุด