ไม่กีดกันเอกชนนำเข้า...นายกฯ ยันแผนวัคซีนครอบคลุม ต้องปลอดภัย

ไม่กีดกันเอกชนนำเข้า...นายกฯ ยันแผนวัคซีนครอบคลุม ต้องปลอดภัย

ไม่กีดกันเอกชนนำเข้า...นายกฯ ยันแผนวัคซีนครอบคลุม ต้องปลอดภัย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯ ระบุ กระจายวัคซีนตามลำดับความสำคัญ สอดคล้องกับปริมาณ ไม่กีดกันเอกชนนำเข้า ย้ำ มาตรการ สธ. ขอทุกคนร่วมมือรับผิดชอบต่อสังคม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ กล่าวผ่านรายการ PM Podcast นายกรัฐมนตรีเล่า ถึงการแจกจ่ายวัคซีนไปยังประชาชน ว่า แผนการฉีดวัคซีนได้มีการเตรียมการไว้เพื่อกระจายไปยังทุกกลุ่มประชากรตามลำดับความสำคัญที่ต้องสอดคล้องกับปริมาณวัคซีนที่ส่งมอบ ซึ่งไม่ว่าจะจองวัคซีนไปเท่าไหร่ก็ตามไม่มาเวลาเดียวกัน เพราะขีดความสามารถในการฉีดวัคซีนทั้งรายวัน รายเดือน รายปี และยังเป็นความต้องการของหลายประเทศด้วย จึงต้องมีการพิจารณาให้ครอบคลุมเพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน

นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงการฉีดวัคซีนที่มีการเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุนบางรายหรือไม่ ว่า การจัดซื้อวัคซีนได้พิจารณาตามคุณลักษณะ ทั้งรูปแบบการวิจัยพัฒนาวัคซีน ที่มีประสิทธิภาพคุณภาพ และส่งมอบตามเวลาที่กำหนด รวมทั้งต้องมองถึงผลประโยชน์ในระยะยาวที่การถ่ายทอดการผลิตที่ไทยสามารถต่อยอดการพัฒนาวิจัยในประเทศด้วย เพื่อเตรียมการไว้ในอนาคตที่อาจมีโรคระบาดอื่นๆ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ส่วนที่รัฐบาลจัดซื้อวัคซีนจาก แอสตร้าเซเนก้า และซิโนแวค เป็นความประมาทของรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากไม่มีการตรวจสอบคัดกรองและติดตามประเมินผล ถือเป็นความประมาทมากกว่า เพราะจะมีผู้ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงสูง

พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยคิดกีดกันเอกชนในการนำเข้าวัคซีน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน โดยคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ยินดีให้เอกชนมาขอขึ้นทะเบียน โดยเปิดช่องทางพิเศษ ที่ปัจจุบันมีผู้มาขอขึ้นทะเบียนแล้ว 3 ราย

ทั้งนี้ หากบริษัทใดเข้าหลักเกณฑ์และกติกา ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนทั้งหมด ขณะที่ผลข้างเคียงในการฉีดวัคซีนนั้นมีอยู่แล้วขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแค่ละคนและกว่าจะฉีดวัคซีนให้ครบประชาชนทั้งโลกอาจจะต้องใช้เวลาเป็นปี จึงต้องคิด และใคร่ครวญ ว่าจะเชื่อใคร ซึ่งไทยแม้จะมีการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับหลายๆ ประเทศ ทั้งนี้ เมื่อเรามีวัคซีนป้องกัน แต่ก็ไม่แน่ ว่าจะป้องกันได้ 100% ซึ่งก็เป็นทั้งโลก เพราะเป็นความหวัง และเชื่อว่าวัคซีนกว่าจะใช้ประโยชน์ให้กับคนทั้งโลกได้ จะใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี

นายกรัฐมนตรี ย้ำมาตรการสาธารณสุข และขอความร่วมมือจากประชาชน เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบธุรกิจ และผู้ประกอบการ จะต้องช่วยกันรับผิดชอบที่สามารถทำได้ทันที คือการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือไปบ่อยๆ ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ การเว้นระยะห่างทางสังคม เราขอประชาชนอย่าไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงมีการชุมนุมใกล้ชิดกัน และการสังสรรค์ โดยมีการดื่มสุรา ที่มีความสนุกสนานกันเกินเลย

พร้อมยังขอให้มีการโหลดแอปพริเคชั่นหมอชนะ และสแกนไทยชนะ เพื่อที่จะได้สามารถติดตามตัวได้ว่าไปไหนมาบ้าง ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบทางสังคม เพราะเราคือคนไทยประเทศไทย ซึ่งนี่คือวัคซีนอีกประเภทหนึ่งที่ทำได้เอง ในการป้องกันตัวเอง นอกจากการรับวัคซีนจากต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี แนะนำหนังสือน่าอ่าน ชื่อ “ความรู้เรื่องเมืองไทย”

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงหนึ่งของการประชุมร่วมกับคณะกรรมการ และคณะตัวแทนภาคประชาชนเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แนะนำหนังสือน่าอ่านให้แก่คณะที่เข้าพบ มีชื่อว่า “ความรู้เรื่องเมืองไทย” เขียนโดย ดร. วิชิตวงศ์ ณ ป้อมเพชร

ทั้งนี้ เนื้อหาของหนังสือเล่มดังกล่าวเป็นการบรรยายให้มีความรู้จักประเทศไทย เข้าใจสังคมไทย และมีความตระหนักในความเป็นไทย ซึ่งผู้เขียนไม่ได้บรรยายถึงอะไรที่เรียกกันว่า “ฮาร์ดแวร์” ประเภททุ่งนาป่าเขา หรือหาดทรายขาวสะอาดที่มองเห็นสุดสายตา หรือวัดวาอารามและสถาปัตยกรรมที่มีความวิจิตรพิสดารหรือแม้กระทั่งขนบธรรมเนียมประเพณีที่สัมผัสได้ แต่สิ่งที่ผู้เขียนบรรยายเป็นประเภท “ซอฟท์แวร์” คือความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติ ความเชื่อความศรัทธา จิตสำนึก ตลอดจน “สไตล์” อันเป็นลักษณะพื้นฐานของไทยเรา ซึ่งหมายถึง “วิธี” แบบไทยในการคิด การพูดและการทำ แนะนำโครงสร้าง ระบบและกลไกการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจและสังคมที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

โดยหยิบยกเอาประเด็นที่สำคัญและสามารถเข้าใจได้ทันที มาพิจารณาเชิงวิเคราะห์ เช่น เรื่องระบอบการปกครองที่มี “ประชาธิปไตย” เป็นจุดขัดแย้ง เรื่องเศรษฐกิจทุนนิยมที่เข้ามาครอบงำเศรษกิจและสังคมไทย เรื่องทัศนะทางสังคมของคนไทยที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลและการชี้นำของสื่อโฆษณา ตลอดจนเรื่องที่เกี่ยวกับจิตสำนึกที่ขาดหายไป เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในช่วงเวลาประมาณ 150 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นลักษณะของ “วิวัฒนาการสังคม” ที่คนไทยพึงจะต้องมีความรู้และความเข้าใจว่า กว่าที่จะมาถึงวันนี้ สังคมไทยของเราได้ผ่านอะไรมาบ้าง การที่คนไทยมีความรู้สึกนึกคิดที่ผูกพันกับ “วิวัฒนาการสังคมไทย” จะทำให้มีความเข้าใจทั้งปัจจุบันและอนาคต

นายอนุชา เผยเพิ่มเติมว่า “นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า หนังสือ – ความรู้เรื่องเมืองไทย ทำให้รู้จักประเทศไทย เข้าใจสังคมไทย และตระหนักในความเป็นไทยได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้รู้จักไทยในมุมที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้นด้วย”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook