แฉคลิปหลักฐานมัดตัว ดร.ภูผาภูมิ ขณะขอร้องชาวบ้านอย่าเอาเรื่อง คดีสวมสิทธิ์คนละครึ่ง

แฉคลิปหลักฐานมัดตัว ดร.ภูผาภูมิ ขณะขอร้องชาวบ้านอย่าเอาเรื่อง คดีสวมสิทธิ์คนละครึ่ง

แฉคลิปหลักฐานมัดตัว ดร.ภูผาภูมิ ขณะขอร้องชาวบ้านอย่าเอาเรื่อง คดีสวมสิทธิ์คนละครึ่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 7 กุมภาพันธุ์ 2564 ที่ สภ.บ้านฝาง  อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น พบว่าครูภูผาภูมิ ถูกคุมขังในห้องควบคุมเพียงลำพัง โดยครูได้ใช้ผืนเสื่อปิดที่ลูกกรงห้องขัง และนอนอยู่อย่างเงียบสงบ มีญาติพี่น้องและทนายความเดินทางเข้ามาเยี่ยม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าเวรยาม ได้แนะนำให้เข้าเยี่ยมในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น คือช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 08.00-09.00 น. และช่วงเย็นเวลา 17.00-18.00 น.

พ.ต.อ.อิทธิพล เนตรไธสงค์ ผกก.สภ.บ้านฝาง กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนครูฝน หรือ นางบุหงา ดวงจันทร์ อายุ 38 ปี  ซึ่งเป็นบุคคลที่ชาวบ้านกล่าวหาว่าแจกเงิน 200 บาท แล้วถ่ายเอารูปบัตรประชาชนชาวบ้านไป จนชาวบ้านถูกสวมสิทธิ์ในโครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ภายหลังการสอบสวน ได้แจ้งข้อหาร่วมกัน ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

ภายหลังการสอบสวน ยังพบหลักฐานในโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมโยงกับการก่อเหตุ และเชื่อมโยงกับ ว่าที่ ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอหมายค้น เข้าตรวจค้นบ้านครูภูผาภูมิ และขอหมายจับครูผาภูมิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจสอบข้อเท็จจริงของตำรวจภูธรภาค 4 ได้ทำการเข้าตรวจค้นและจับกุมครูภูผาภูมิได้ที่บ้านพัก ในพื้นที่ตำบลบ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมหลักฐานทั้งที่เป็นเอกสารและหลักฐานทางอิเล็กทรอนิคส์ จึงควบคุมตัวไปสอบสวน จากการพูดคุย ครูคุยได้ทุกเรื่อง แต่ช่วงให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนครูภูผาภูมิให้การปฏิเสธจึงควบคุมตัวคุมขังในห้องควบคุมดังกล่าว

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง ร่วมกันลงพื้นที่พบปะ ทำความเข้าใจกับชาวบ้านที่ถูกสวมสิทธิ์ ว่า ให้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่นำบัตรประชาชนของชาวบ้านไปใช้ ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากก่อนที่ครูภูผาภูมิจะถูกจับกุมตัวได้นั้น ได้มีการเข้าไปเจรจากับชาวบ้าน เพื่อที่จะจ่ายเงินชดเชยให้ชาวบ้านที่ถูกสวมสิทธิ์ รายละ 1,000-2,000 บาท ทำให้ชาวบ้านแตกออกเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายที่ยังลังเลว่าจะได้เงินชดเชย อีกทั้งกลัวว่าตัวเองจะมีส่วนในการทำผิดกฎหมายเลยอยู่นิ่งๆ กับอีกฝ่ายที่ต้องการดำเนินคดีตามกฎหมาย  จึงต้องลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ซึ่งหากชาวบ้านเข้าใจก็จะมีชาวบ้านมาแจ้งความเพิ่ม

ในส่วนของความเสียหายของโครงการรัฐบาลทั้ง คนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน นั้น อยู่ระหว่างการรวบรวมของคณะทำงาน เพราะหลังจากตรวจค้นแล้ว พบความเชื่อมโยงใดๆพนักงานสอบสวนจะได้ออกหมายเรียกมาสอบสวน อีกทั้งในกรณีดังกล่าว ชาวบ้านคือคนที่ถูกสวมสิทธิ์ ส่วนผู้เสียหายคือเจ้าของโครงการ และเจ้าของเงินทั้ง 2 โครงการ ซึ่งในกรณีดังกล่าว ตำรวจจะร่วมประชุมกับทางจังหวัดขอนแก่น เพื่อสรุปผลการปฏิบัติงาน และมูลค่าความเสียหายทั้งหมดในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งขณะนี้ครูภูผาภูมิ ก็ยังถูกคุมขังในห้องขัง เพราะยังไม่มีการส่งตัวฝากขังที่ศาล เนื่องจากเป็นวันหยุดและยังมีผู้เสียหายในกรณีเดียวกัน กระจายในอำเภออื่นๆ อีกหลายราย และทยอยแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกเช่นกัน

ด้านนางสุภาพร สอนบุปผา อายุ 42 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่ถูกสวมสิทธิ์ และเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้สืบสวนจับกุมผู้ต้องหานั้น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกโล่งใจ ที่คนทำผิดถูกจับกุม เพราะว่าคนเป็นครู ทำอะไรก็น่าจะรู้ผิดรู้ถูก  อีกทั้งในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ครูภูผาภูมิ ยังได้เข้ามาพบชาวบ้าน โดยขอร้องให้ชาวบ้านเข้าใจ ไม่ติดใจ ไม่เอาเรื่อง ไม่แจ้งความ ไม่อยากมีปัญหา และจะจ่ายเงินชดเชยคนละ 1,000 บาทให้ โดยขณะพูดกับชาวบ้าน ครูภูผาภูมิไม่รู้ตัวว่ามีชาวบ้านอัดคลิปไว้ ฉะนั้นคนทำไม่ดี จะได้รับผลเช่นไรก็น่าจะรู้คำตอบ จึงอยากให้ชาวบ้านที่ถูกสวมสิทธิ์ เข้าแจ้งความทุกคน ให้ตำรวจทำการสอบสวน และดำเนินคดีกับครูตามกฎหมาย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook